คริสเตียโน โรนัลโด คือหนึ่งในนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมลูกหนัง เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในเวลานี้ คือการที่กองหน้าระดับตำนานผู้นี้ต้องตกเป็นตัวสำรองของ อองโตนี มาร์ซิยาล รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยไม่มีโอกาสลงสนามแม้แต่นาทีเดียวในเกมบิ๊กแมตช์ที่แมนฯ ยูไนเต็ดโดนคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถล่มย่อยยับ 6-3
ความเจ็บปวดของกองหน้าผู้พิชิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ต่อให้มองจากดาวอังคารก็เห็นได้ชัด
การไม่ได้โอกาสลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนำคำถามเดิมที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องกลับมาอยู่ในวังวนอีกครั้งว่า ตกลงแล้วโรนัลโดยังเป็น ‘คนสำคัญ’ ของทีมอยู่อีกไหม?
รอย คีน อดีตกัปตันทีมและเป็นอดีตรุ่นพี่ที่เห็นโรนัลโดมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นหัวหยิกหยอยในเกมอุ่นเครื่องที่แมนฯ ยูไนเต็ดบุกไปเยือนสปอร์ติง ลิสบอน ในช่วงฤดูร้อนปี 2002 ก่อนที่นักเตะซีเนียร์ภายในทีมจะบอกให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีบคว้าตัวไอ้หนูตัวแสบรายนี้ที่กลายเป็นฝันร้ายของ จอห์น โอเช ในเกมนั้นมาร่วมทีม (โดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าจริงๆ แล้วดีลนี้เกิดขึ้นก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้นแล้ว) เห็นรุ่นน้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็ทำใจยอมรับไม่ได้
ในการวิเคราะห์ฟุตบอลทาง Sky Sports คีนพูดชัดว่า เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแบบนี้คือการ ‘ไม่ให้เกียรติ’ ต่อนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่อย่างโรนัลโด
ก่อนที่คำพูดแบบเดียวกันถูกสะท้อนอีกครั้งจาก พอล สโคลส์ อดีตกองกลางเพื่อนร่วมทีมที่เล่นร่วมกันมาตลอด 7 ปีที่โรนัลโดอยู่ในโอลด์แทรฟฟอร์ดช่วงแรกของชีวิต
สโคลส์ก็คิดเหมือนกันว่าผู้จัดการทีมชาวดัตช์ไม่ให้เกียรตินักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เลย “ผมคิดว่ามันเกือบจะเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยในการส่งเขาลงเล่นในเกมยูโรปา ลีกในคืนวันพฤหัสบดี
“ชายคนนี้คือซูเปอร์สตาร์ของโลก”
ย้อนกลับไปในเกมที่ไซปรัส เทน ฮากจัดทีม 11 คนแรกที่เกือบเป็นชุดใหญ่และให้โอกาสโรนัลโดลงสนามเป็นตัวจริงในการไปเยือนโอโมเนีย นิโคเซีย ในรายการที่ทุกคนรู้ว่ากองหน้าชาวโปรตุเกสไม่เคยปรารถนาอยากจะลงเล่น
แต่โรนัลโด ซึ่งเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอดไม่เคยก่อปัญหาใดๆ อีก (โดยรายงานทุกสำนักข่าวยืนยันตรงกันว่าโรนัลโดวางตัวระดับ ‘ซูเปอร์มืออาชีพ’ แม้จะลำบากใจขนาดไหนก็ตาม) หลังจากที่อกหักไม่มีสโมสรใดอยากได้ตัวไปร่วมทีมในช่วงตลาดการซื้อขายรอบฤดูร้อนที่ผ่านมาก็ลงสนามตามคำสั่งอย่างที่นักฟุตบอลอาชีพดีๆ สักคนควรทำ
น่าเสียดายที่ตลอดทั้งเกมเขาทำประตูไม่ได้ และยังพลาดโอกาสทองในการยิงประตูลูกที่ 700 ในระดับการเล่นสโมสร เมื่อได้โอกาสยิงจ่อๆ ระยะแค่ไม่กี่หลา แต่กลับซัดไปชนเสาในช่วงท้ายเกม
ชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แทบไม่เหลือสภาพ
อย่างไรก็ดีในถ้อยคำของสโคลส์หรือคีนนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด เพราะหากมองในมุมของคนจัดการทีมอย่างเทน ฮากแล้ว การจับโรนัลโดนั่งสำรองอย่างอดทนในช่วงที่ผ่านมา จนถึงเรื่องของการส่งลงสนามในเกมยูโรปา ลีกนั้นไม่น่าใช่ ‘เรื่องส่วนตัว’ – แม้มันจะชวนให้คิดก็ตาม
ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะโรนัลโดเองที่เป็นคนทำให้เป็นแบบนี้
ย้อนกลับไปในช่วงเข้ารับตำแหน่งแทน ราล์ฟ รังนิก กุนซือใหม่อย่างเทน ฮากยืนยันว่าเขาต้องการให้ซูเปอร์สตาร์ผู้นี้อยู่กับทีมต่อไปในฐานะกำลังหลัก
แต่สิ่งที่โรนัลโดทำคือการปฏิเสธที่จะรายงานตัวฝึกซ้อมร่วมกับทีมโดยอ้างเหตุผลส่วนบุคคล จนถึงขั้นไม่ยอมเดินทางมาร่วมทัวร์พรีซีซันในเอเชียและออสเตรเลียกับทีม จนเมื่อทีมกลับมาแล้วก็ยังขอเคลียร์เรื่องการย้ายออกไปอยู่ทีมที่ได้โอกาสเล่นในรายการที่เขาคิดว่าคู่ควรกับระดับฝีเท้าอย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
เมื่อถูกบีบให้กลับมารายงานตัวฝึกซ้อม ก็มีรายงานข่าวว่าโรนัลโดสร้างปัญหาในทีมด้วยการทำตัวไม่เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพ สร้างบรรยากาศที่เลวร้ายในสนามซ้อม (และมันถูกสะท้อนผ่านผลงาน 2 นัดแรกของฤดูกาลที่แพ้ต่อไบรท์ตันและเบรนท์ฟอร์ด)
สิ่งเหล่านี้ทำให้ขีดความอดทนของเทน ฮากหมดลง เขาตัดสินใจที่จะยอมปล่อยให้โรนัลโดย้ายทีมได้สมความตั้งใจ แค่ขอให้มีใครสักทีมมารับไปเถอะ
แต่ปัญหาคือไม่มีทีมนั้น และเทน ฮากก็เริ่มกอบกู้สถานการณ์ของทีมได้เริ่มจากในเกมแดงเดือดที่ชนะลิเวอร์พูล ก่อนที่จะเดินหน้าทำผลงานได้ค่อนข้างดีในช่วงเดือนกันยายนก่อนจะพักเบรกทีมชาติ โดยที่ทีมเริ่มค้นพบความลงตัวมากขึ้นในแนวรุกซึ่งแรชฟอร์ด ทำหน้าที่แทนมาร์ซิยาลได้ดี และตอนนี้หัวหอกชาวฝรั่งเศสที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงพรีซีซันก็กลับมาอีกครั้ง
นั่นทำให้ลำดับขั้นของโรนัลโดหล่นไปอยู่ที่ 3 ในตำแหน่งศูนย์หน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่เขาเล่นได้ในวัย 37 ปี และความสำคัญในทีมแทบไม่เหลือ
การส่งลงสนามในเกมยูโรปา ลีกกับโอโมเนีย นิโคเซีย ถ้ามองแบบคิดลบก็เหมือนการแก้เผ็ดจากเทน ฮาก แต่หากมองตามความเป็นจริงแล้วกุนซือชาวดัตช์เองก็ให้โอกาสโรนัลโดได้มี ‘เวลาในสนาม’ อย่างที่ควรจะเป็น เพราะก่อนหน้านี้การรายงานตัวกับทีมช้าไปร่วมเดือน หมายถึงเขาตามหลังเพื่อนร่วมทีมในเรื่องของสภาพความฟิตและ Match Fitness ค่อนข้างห่าง
ความจริงมาร์ซิยาลเองก็ต้องการเวลาในสนามเหมือนกัน (และเป็นเหตุผลที่เทน ฮากส่งเขาลงมาในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี) แต่กุนซือชาวดัตช์ให้โอกาสโรนัลโดก่อนในเกมที่มองแล้วเบากว่า ซึ่งควรจะใส่สกอร์ได้ แม้ว่าในชีวิตจริงคือทีมดังจากอังกฤษเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะกลับมาเอาชนะได้
ดังนั้นไม่ว่า สโคลส์ คีน หรือใครจะคิดว่าการที่เทน ฮากทำแบบนี้คือการไม่ให้เกียรติต่อโรนัลโดหรือเปล่านั้น หากมองอีกแง่หนึ่งทุกอย่างมันเป็นผลของการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้านี้
ถึงมันอาจจะดูน่าเจ็บปวดสำหรับคนที่รักโรนัลโดที่ต้องเห็นกองหน้าระดับนี้ถูกลดคุณค่ามาเหลือแค่นี้ แต่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เหมือนสัจธรรมธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครที่อยู่ค้ำฟ้า
และเรื่องพื้นฐานของชีวิตอย่างคนที่สมควรได้รับเกียรติ คือคนที่ให้เกียรติผู้อื่นด้วยเช่นกัน