วานนี้ (10 เมษายน) บิ๊กแมตช์ ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อทีมหัวตาราง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โคจรมาพบกับลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง ที่มีแต้มห่างกันเพียง 1 คะแนน และนักวิเคราะห์จากหลากหลายสื่อมองว่าจะมีโอกาสเป็นเกมที่ตัดสินทิศทางของแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้
โดยฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้าน 11 ตัวจริง ได้แก่ เอแดร์สัน ผู้รักษาประตู, วอล์กเกอร์, สโตนส์, ลาปอร์ต, คันเซโล, โรดริโก, เดอ บรอยน์ กัปตันทีม, ซิลวา, เฆซุส, โฟเดน และสเตอร์ลิง
ฝั่งลิเวอร์พูล 11 ตัวจริง ได้แก่ อลิสสัน ผู้รักษาประตู, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, ติอาโก, มาเน, ซาลาห์ และโชตา
เริ่มเกมเป็นซิตี้ที่ขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เลี้ยงลากมายิงแฉลบเข่า โจเอล มาติป ชนเสาเข้าประตูไป เจ้าบ้านขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 6
หลังจากนั้นนาทีที่ 12 ลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่โรเบิร์ตสันปิดบอลข้ามไปให้อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปาดกลับมาเข้าทางโชตายิงเข้าประตูไป ตีเสมอเป็น 1-1
เจ้าบ้านบุกต่อเนื่อง จนนาทีที่ 36 คันเซโลเปิดบอลเข้าไปเจอ กาเบรียล เฆซุส ที่หลุดกับดักล้ำหน้ามา ยิงด้วยเท้าขวาเข้าประตูไป ขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
นาทีแรกของครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จทันทีจากลูกยิงของซาดิโอ มาเน ส่งผลให้เสมอกัน 2-2
นาทีที่ 69 เจอร์เกน คล็อปป์ ปรับเกมรุกเอา หลุยส์ ดิอาซ ลงมาแทนโชตา เช่นเดียวกับซิตี้ที่ส่ง ริยาด มาห์เรซ ลงมาแทนราฮีม สเตอร์ลิงในนาทีที่ 74
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมบุกและอาศัยจังหวะเล่นเกมสวน แต่ไม่มีประตูเกิดขึ้น ส่งผลให้เสมอกันไป 2-2 แบ่งแต้มกันไปที่เอติฮัด สเตเดียม