เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์โรฮีนจาชาวบังกลาเทศและเมียนมา พนักงานอัยการและต่างด้าวผู้เสียหายบางรายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บรรจง หรือโกจง ปองผล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา จำเลยที่ 1 พล.ท. มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และเจ้าหน้าที่รัฐประกอบด้วย ทหาร-ตำรวจ, ผู้บริหารการเมืองท้องถิ่น, พลเรือนทั้งไทยและสัญชาติเมียนมา รวม 103 คน (ระหว่างพิจารณาคดี สุรีชัย อาหะหมัด จำเลยที่ 26 ได้เสียชีวิต) ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ และความผิดอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา
ศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนประชุม ปรึกษาหารือกัน แล้วอ่านคำพิพากษาแก้โทษจำเลย 55 คน จากเดิม 62 คน โดยมีรายสำคัญคือ บรรจง หรือโกจง ปองผล จากเดิมจำคุก 78 ปี เป็นจำคุก 79 ปี
ปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง พงษ์ไทย จำเลยที่ 22 เดิมจำคุก 79 ปี เป็นจำคุก 80 ปี
พล.ท. มนัส คงแป้น จำเลยที่ 54 อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จากเดิมจำคุก 27 ปี เป็นจำคุก 82 ปี
ส่วน ปัจจุบัน หรือโกโต้ง อังโชติพันธุ์ จำเลยที่ 29 อดีตนายก อบจ.สตูล ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาโทษจำคุก 75 ปี และซอเนียง อานู นายหน้าชาวเมียนมา จำเลยที่ 46 จำคุก 94 ปี ที่รวมลงโทษสูงสุดแล้วให้จำคุก 50 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาแก้โทษ จึงยืนผลตามศาลชั้นต้น
สำหรับ อนัส หะยีมะแซ จำเลยที่ 23 และ ร.อ. วิสูตร บุนนาค จำเลยที่ 90 พิพากษาแก้จากยกฟ้องเป็นให้ลงโทษจำคุกคนละ 82 ปี และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง ถาวร หรือ บังวร มณี จำเลยที่ 49 และนายผิน ร่วมบัว จำเลยที่ 101 รวมมีจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้อง 26 คน นอกจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้วก็ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จากผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว พบว่ามีจำเลยที่แก้โทษทั้งสิ้น 55 คน จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 62 คน ส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่างๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ยกฟ้องเพียง 26 ราย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
