ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก ก็คือวิกฤตทะเลแดง หรือ Red Sea ที่ยังคงตึงเครียดอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยวิกฤตนี้เกิดขึ้นจากลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ได้ก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง ส่งผลให้ซัพพลายเชนโลกหยุดชะงัก และทำให้บรรดาบริษัทขนส่งทางเรือ หรือ Shippers รายใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น MSC, Hapag-Lloyd, CMA, CGM, Yang Ming Marine Transport, Evergreen, Maersk รวมไปถึง BP บริษัทน้ำมันระดับโลก ต้องปรับแผนเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือใหม่
เช่นเดียวกับประเทศไทยก็อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของการค้าโลกนี้ อีกทั้งยังใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าผ่านไปยังยุโรป
จึงเป็นเหตุให้ผู้ส่งออก-นำเข้าทั้งหลาย ต้องเร่งหาวิธีการรับมือกับความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่กล่าวถึงข้างต้น ยังไม่รวมถึงเงินเฟ้อ หรืออัตราดอกเบี้ย ที่ล้วนมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน และสร้างความเสี่ยงให้กับธุรกิจที่มีการนำเข้าและส่งออกอยู่ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าธุรกิจจะไม่สามารถควบคุมความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่ก็สามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เหมาะสมกับธุรกิจตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
แล้วหากเกิดคำถามว่า ทำไมการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินถึงมีความสำคัญ และจะคุ้มค่าหรือไม่? เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบข้างต้น เราขอพาคุณไปทำความรู้จักกับเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 2 รูปแบบ ได้แก่ FX Forward และ FX Option ซึ่งเป็นโซลูชันที่พัฒนาเพื่อ ตอบโจทย์ต่อความต้องการของธุรกิจได้อย่างตรงจุดจาก SCB SME
สำหรับไฮไลต์ของเครื่องมือ FX Forward เป็นสัญญาที่ทำเพื่อซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคาร ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับธุรกิจนำเข้าส่งออกที่ต้องการล็อกเรตอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีกำหนดส่งมอบมากกว่า 2 วันทำการขึ้นไป
ข้อดีคือสามารถรับรู้รายได้และรายจ่ายเป็นค่าเงินบาทได้ตั้งแต่วันที่ทำสัญญา ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดมากขึ้นก็คือ ไม่ว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเกิดสถานการณ์ใดๆก็ตามที่ทำให้ธุรกิจ ต้องเจอภาวะที่ต้นทุนสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนก็จะเท่าเดิม หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการล็อกเรตให้ค่าเงินคงที่ในช่วงระยะเวลาที่สัญญามีผล แต่มีข้อจำกัดคือต้องมีวงเงินสินเชื่อ FX Forward กับธนาคารก่อน
ขณะที่ไฮไลต์ของเครื่องมือ FX Option เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน สามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีข้อดีคือสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิ์หรือไม่ใช้สิทธิ์ของ FX Option ได้ และช่วยลดต้นทุนหรือเพิ่มผลตอบแทนโดยใช้ประโยชน์จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต
อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีวงเงินสินเชื่อ FX Forward กับธนาคาร แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสิทธิ์ (Premium) อย่างไรก็ตามผู้นำเข้าส่งออกสามารถเลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับธุรกิจ หรือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ SCB SME ที่จะเข้ามาดูแลทั้ง 2 เครื่องมือดังกล่าว ซึ่งผู้นำเข้าส่งออกจะได้เอาเวลาที่เหลือไปทุ่มเทกับการสร้างกำไรเพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับธนาคาร