The Kitsuné Art de Vivre
หากจะต้องตอบคำถามว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Maison Kitsuné ประสบความสำเร็จตลอด 19 ปีที่ผ่านมา เราก็คงต้องตอบว่า ความเท่แบบไม่ต้องพยายาม บวกกับความคิดสร้างสรรค์ที่นำมาใช้ในการพัฒนาแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของค่ายเพลง เสื้อผ้าแฟชั่น หรือคาเฟ่ก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาคือกระแสการตอบรับของกลุ่มคนที่รักในเสียงเพลง ศิลปะ และความดูดีแบบเรียบง่าย ซึ่งเป็นการสร้างคัลเจอร์และสะท้อนไลฟ์สไตล์สุดเท่ให้กับเหล่าแฟนของ Kitsuné ไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะเพียงแค่คุณเปิดเพลย์ลิสต์ของ Kitsuné แค่นั้นก็เท่แล้ว
Kitsuné Musique: Where It All Started
Maison Kitsuné เป็นผลผลิตของสองผู้ก่อตั้ง จิลดาส์ โลแอ็ค ชาวฝรั่งเศส และ มาซายะ คุโรกิ ชาวญี่ปุ่น โดยทั้งคู่พบเจอกันที่ร้านขายแผ่นเสียงของจิลดาส์ในปี 1995 ที่ซึ่งเปิดโอกาสให้จิลดาส์รู้จักกับวงดูโอ้เพลงอิเล็กทรอนิกส์ระดับตำนานอย่าง Daft Punk ก่อนผันตัวมาเป็นผู้จัดการวงในเวลาต่อมา
จุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเริ่มมาจากการที่จิลดาส์ได้ชวนให้มาซายะมาช่วยเป็นล่าม ในขณะที่ต้องไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับโปรเจกต์พิเศษระหว่าง Daft Punk และ เลจิ มัตสึโมโต้ นักวาดภาพการ์ตูนมังงะระดับตำนาน
ผลงานเพลงที่ปล่อยภายใต้สังกัด Kitsuné Musique
โดยทั้งสองเคยเล่าในพอดแคสต์สัมภาษณ์กับทาง Hypebeast Radio ว่า หนึ่งสิ่งที่ชื่นชอบตอนไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นคือการได้ไปร้าน Concept Store ต่างๆ ที่ขายทั้งเสื้อผ้า แผ่นเสียง และมีคาเฟ่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของไอเดียการสร้าง Lifestyle Hub และจึงได้เริ่มสร้างแบรนด์ที่ชื่อว่า Maison Kitsuné ในปี 2002 ที่กรุงปารีส
Maison Kitsuné ประกอบไปด้วย 3 เสาหลักสำคัญ โดย 2 อันแรกมาควบคู่กันตั้งแต่แบรนด์ถูกก่อตั้ง เริ่มด้วยค่ายเพลง Kitsuné Musique ที่เน้นเซ็นสัญญากับศิลปินหน้าใหม่ และช่วยโปรโมตผลงานชิ้นแรกๆ ของพวกเขา ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าศิลปินอย่าง Two Door Cinema Club, Parcels, Bloc Party หรือวง Years & Years ก็ต่างมาจากค่ายนี้
Kitsuné Events
นอกจากการทำเพลงแล้ว จิลดาส์และมาซายะในขณะนั้นก็ยังเป็นดีเจและเริ่มจัดงานมิวสิกปาร์ตี้สุดคูลของ Kitsuné ที่ฮิตไปทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่าง Kitsuné Club Night และ Kitsuné Afterwork ซึ่งรายได้ที่ทั้งคู่ได้มาก็จะนำกลับมาลงทุนในแบรนด์ โดยเฉพาะกับเสาหลักที่ 2 นั่นก็คือ ธุรกิจเสื้อผ้า Maison Kitsuné นั่นเอง
Celebrities Around The World
เราต้องนิยามคอนเซปต์เสื้อผ้า Maison Kitsuné ว่า Effortlessly Cool ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายความ Preppy แต่ยังคงเก็บรายละเอียดการตัดเย็บตามแบบฉบับปารีเซียง และมีรูปทรงคลาสสิกที่ง่ายในการมิกซ์แอนด์แมตช์ โดยหากคุณจะนำไอเท็มอย่างเสื้อเชิ้ตจาก 5 ซีซันก่อนมาใส่กับกางเกงขายาวในซีซันล่าสุด ก็ยังดูเข้ากันได้ดี ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม Brand Loyalty ของ Maison Kitsuné ยังคงเหนียวแน่นตลอดเวลาทั่วโลก โดยเฉพาะกับคนดังจากหลากหลายแวดวงอย่าง G-Dragon, Sandara 2NE1, Kiko Mizuhara, Jennie BLACKPINK, Jay-Z, Meghan Markle, LeBron James, Kendall Jenner, Eva Chen หรือ Jimmy Fallon ที่ก็นิยมใส่ Maison Kitsuné เป็นประจำ ซึ่งก็สะท้อนความหลากหลายของกลุ่มคนที่ใส่แบรนด์นี้
THE KITSUNÉ FOX: Your Favorite Animal!
แต่จะไม่ให้พูดถึงโลโก้ของ Maison Kitsuné ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งจิลดาส์และมาซายะก็เผยแบบติดตลกในสัมภาษณ์ Hypebeast Radio ว่า เหตุผลที่เลือกนำสุนัขจิ้งจอกมาเป็นโลโก้ จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่ายังไม่ซ้ำใคร และชื่อของแบรนด์ก็ได้มาจากคำว่าสุนัขจิ้งจอกในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ Kitsuné
มากไปกว่านั้น ตามตำนานก็พูดกันว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้เห็นเจ้าสุนัขจิ้งจอกในหลากหลายเวอร์ชัน ไม่ว่าจะแบบ Chillax Fox ที่มีความขี้เล่น, ตัว Navy Fox ที่เน้นโทนเข้มและดูเท่ สุขุม, แบบ Tricolor Fox สุดคลาสสิก ที่เล่นกับสีธงชาติฝรั่งเศสน้ำเงิน ขาว แดง หรือที่ฮิตสุดก็คือแบบ Fox Head ที่มีให้เลือกทั้งแบบสีส้มและสีเทา
โดยการที่ Maison Kitsuné เล่นกับโลโก้หลายรูปแบบเราก็มองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ฉลาดมาก เพราะจะทำให้สินค้ามีความเป็น Collectible Items ที่สาวกของแบรนด์อยากสะสมให้ครบ และสร้างความตื่นเต้นว่าต่อไปตัวโลโก้เจ้าสุนัขจิ้งจอกจะมาในรูปแบบไหนอีก
Maison Kitsuné Special Collaborations
Bangkok Collection โดย เบน คลีเวย์
การทำโปรเจกต์ Collaboration ก็เป็นอีกมิติหนึ่งของ Maison Kitsuné ที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยมีทั้งรองเท้า Reebok, เครื่องสำอาง Shu Uemura, กระเป๋า Eastpak, นิตยสาร Toiletpaper, หน่วยบาสเกตบอล NBA และแบรนด์เกาหลีมาแรง Ader Error กับคอลเล็กชัน ‘The Bluest Fox’ ที่ทำมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2018 และสำหรับโปรเจกต์ล่าสุด ทางแบรนด์ได้ Collaboration กับศิลปินด้าน Graphic Arts ชื่อดังจากลอสแอนเจลิส เบน คลีเวย์ ให้มาออกแบบลายเสื้อสำหรับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก รวมไปถึงเมืองบางกอก (Bangkok) ของเราด้วย
หากดูภาพรวมธุรกิจของสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าของ Maison Kitsuné ก็ถือว่าเติบโตอย่างมั่นคงและไม่ฉาบฉวยจนเกินไป โดยทุกวันนี้ทางแบรนด์มีจุดขายกว่า 400 แห่ง และร้านของตัวเอง 33 แห่งทั่วโลก ซึ่งร้านในกรุงเทพฯ ก็คือหนึ่งในนั้นที่เปิดเมื่อปี 2020 ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G ด้วยพื้นที่กว่า 145 ตารางเมตร โดยมีดีเทลการตกแต่งร้านที่สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ได้อย่างลงตัว
ร้าน Maison Kitsuné และ Café Kitsuné ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G
Café Kitsuné: Modern, Cosmopolitan and Welcoming.
มาที่เสาหลักสุดท้ายของแบรนด์นั่นก็คือ Cafe Kitsuné ซึ่งจิลดาส์และมาซายะเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP เกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังและความเป็นมาว่า “Cafe Kitsuné เป็นส่วนของไลฟ์สไตล์ที่เราชื่นชอบและมีแพสชัน โดยเราตั้งใจให้คาเฟ่เป็นสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยความรู้สึกดีๆ คล้ายกับอยู่บ้าน และเป็นที่ที่คุณมากับเพื่อนและเอ็นจอยกาแฟสักแก้วหนึ่ง”
โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่ย่านอาโอยามะ ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2013 ก่อนที่จะเปิดสาขา ณ สวน Palais Royal ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่คนต้องไปเช็กอิน โดยปัจจุบัน Cafe Kitsuné มีทั้งหมด 14 สาขาทั่วโลก
สำหรับสาขาแรกที่กรุงเทพฯ ได้เปิดเมื่อปี 2020 พร้อมความพิเศษตรงที่มีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่คิดค้นมาสำหรับสาขานี้เท่านั้น อาทิ เมนู Fox Latte ที่รังสรรค์จากเมล็ดกาแฟเบลนด์ 3 แหล่งเพาะปลูกอย่างนิการากัว, เอล ซัลวาดอร์ และกัวเตมาลา ผ่านกระบวนการคั่วที่โรงคั่วชั้นดี และนำไปหมักกับเปลือกของเมล็ดโกโก้จากสวนในจังหวัดเชียงใหม่นาน 24 ชั่วโมง
มากไปกว่านั้น เพื่อคงเรื่องรสชาติเอาไว้ทั่วโลก เมล็ดกาแฟที่ถูกใช้ในเมนูอื่นๆ ที่ Cafe Kitsuné ก็ส่งตรงมาจากโรงคั่วของทางแบรนด์เองที่ชื่อ Kitsuné Roastery ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดโอคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดก็ได้เปิดโรงคั่วอีกแห่งด้วยที่ย่าน Rue du Vertbois ในกรุงปารีส
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ Cafe Kitsuné เป็นคาเฟ่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์แฟชั่นได้อย่างลงตัวคือ การมีสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบของตัวเองภายใต้ชื่อแบรนด์ Cafe Kitsuné โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วกาแฟ, Tumbler, กระเป๋าผ้า และยังมีไลน์เสื้อผ้าที่เป็นเสื้อยืด สเวตเตอร์ และเสื้อฮู้ดดี้ ที่ใช้โลโก้ Cafe Kitsuné อีกด้วย ส่วนสาวก Cafe Kitsuné ตัวจริง ยังสามารถเป็นเจ้าของสินค้า ‘Bangkok Exclusive Collection’ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับประเทศไทยเท่านั้น ประกอบไปด้วย เสื้อยืด กระเป๋าผ้า และแก้วกาแฟ
จากประเด็นทั้งหมดที่เราได้เล่ามาเกี่ยวกับอาณาจักรแบรนด์ Maison Kitsuné ตั้งแต่ดนตรี เสื้อผ้า จนถึงคาเฟ่ ก็ถือเป็นตัวอย่างของการคิดค้นสูตรความสำเร็จที่ไม่ต้องไปตามคนอื่น และยังคงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคตามยุคสมัยปัจจุบัน
โดยคีย์หลักสำคัญที่เราได้เห็นจาก Business Model ของแบรนด์คือ ไม่ว่า Maison Kitsuné จะขยายธุรกิจไปในทิศทางไหน รวมไปถึงการทำโรงแรมครั้งแรกที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ทางแบรนด์ก็ไม่เคยลืมที่จะสร้าง Product Synergies ให้ทุกโปรเจกต์ยังคงเชื่อมโยงด้วย DNA แบบฉบับดั้งเดิมของแบรนด์เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม และมีความ Authentic โดยไม่พยายามที่จะทำอะไรแตกต่างไปจากเดิม ที่อาจสร้างความสับสนต่อแฟนคลับ Maison Kitsuné ซึ่งถือว่าสำคัญมากในการทำให้ภาพของแบรนด์ดูกลมและดูมีตัวตนที่ชัดเจน
หนึ่งคำตอบของจิลดาส์และมาซายะที่เคยให้เรามาในปี 2020 ก็เป็นบทสรุปที่ดูลงตัวและเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจาก 19 ปี Maison Kitsuné ยังคงเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่อยู่ในใจหลายคน
“สำหรับเรามันเกี่ยวกับแพสชันล้วนๆ ตั้งแต่เราเริ่มทำแบรนด์ Maison Kitsuné มา เราก็แค่อยากมีความสุขกับสิ่งที่เราทำทุกวัน เราชอบพูดว่าแบรนด์เราสะท้อนตัวตนของเรา ไม่ว่าจะแฟชั่น ดนตรี ต่อมาก็คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหาร แต่เราอยากให้แบรนด์เราเรียบง่าย ไม่ปิดกั้น และให้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาเอง อย่างเช่น ตอนเปิดคาเฟ่เราก็แค่ตัดสินใจทำเพราะเราหาร้านกาแฟที่เติมเต็มสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะมาถึงจุดนี้ เราต้องใช้เวลาบ่มเพาะว่าจุดยืนของเราคืออะไร เราจะเปิดร้านที่ไหนของแต่ละเมือง หรือใครจะมาเป็นผู้ร่วมหุ้น”
อ่านเพิ่มเติม: สัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง Kitsuné ก่อนที่แบรนด์จะมาเปิดร้านและคาเฟ่ที่หลายคนรอคอยครั้งแรกในกรุงเทพฯ
สามารถแวะชมสินค้า Maison Kitsuné ได้ที่ร้านสาขา The Emquartier ชั้น G โทร 0 2003 6696 หรือช้อปออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.ppgroupthailand.com
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ช่องทาง LINE OA:
@Maisonkitsune_th (https://lin.ee/7cq6VOx)
@Cafekitsune_th (https://lin.ee/6JVw1A0)
#Maisonkitsunebangkok
#Cafekitsunebangkok
Credit Fashion Set:
Photographer: Thakiet S.
Stylist: Thitikan K.
Hair: Nikom N.
Make Up: Kwankhao S.
Model: ณัฐณิชา เหลืองอนันต์คุณ, ชลธาร เชี่ยววารีสัจจะ