ตลาดหลักทรัพย์ mai คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีบริษัทระดมทุนมากกว่าปกติ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปจะมีการปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ โดยจะมีเกณฑ์ประเมินกำไรย้อนหลัง 3 ปีต้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยผู้จัดการตลาด mai เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพพื้นฐานบริษัทเข้าจดทะเบียน
ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ในปี 2566 จะมีบริษัทเร่งเข้ามาจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาด mai เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ จากเดิมที่จะเฉลี่ยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนประมาณ 15-20 บริษัท เนื่องจากทางตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะดำเนินการใช้ในปี 2567 คือจะต้องมีงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีที่มีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
สำหรับภาพรวมการระดมทุนในงวด 10 เดือนแรกของปี 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้วจำนวน 11 บริษัท และมีบริษัทที่อยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งเพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนอีก 9 บริษัท ซึ่งเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ ทั้งนี้ จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายอุตสาหกรรมให้ความสนใจเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมาคืออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
จ่อปรับเกณฑ์ลงทุน LiVEx หากการตอบรับดี
ประพันธ์กล่าวว่า นอกจากนี้อาจจะพิจารณาปรับรูปแบบเกณฑ์การซื้อขายหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiVE Exchange (LiVEx) หลังจากที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องจากปกติที่ซื้อขายแค่วันละ 1 ครั้ง โดยหากมีนักลงทุนรายย่อยสนใจอยากลงทุน ก็อาจจะเป็นการตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนใน LiVEx ผ่านกองทุน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีบริษัทเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiVE Exchange อีก 2 บริษัท ได้แก่ ธุรกิจ Solar Farm และธุรกิจ Self-Storage ทำให้จะมีบริษัทเข้าระดมทุนครบ 3 บริษัทตามแผน
ประพันธ์กล่าวเพิ่มว่า ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนสามารถผ่านวิกฤตต่างๆ ได้ และเห็นการเติบโตของรายได้ในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สามารถทำให้ตัวบริษัทเองนั้นสามารถมีกำไรและมาร์จิ้นที่เติบโตได้
ขณะเดียวกันในอนาคตมองว่าเศรษฐกิจจะมีความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้า เงินเฟ้อ และภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น จึงทำให้การทำธุรกิจของผู้ประกอบการ mai จะยากขึ้น แต่ปัจจัยที่ท้าทายนั้นยังมีจุดที่ไทยมีเครื่องจักรในด้านการท่องเที่ยวที่มีสัญญาณการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมองว่าความสามารถของผู้บริหาร บจ. ในตลาด mai จะพาให้องค์กรผ่านพ้นวิกฤตได้