รัฐบาลมาครงรอดโหวตไม่ไว้วางใจหวุดหวิด ผู้ประท้วงไม่พอใจหนัก จุดไฟเผาขยะกลางปารีส

วานนี้ (20 มีนาคม) รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส รอดจากการลงมติไม่ไว้วางใจแบบฉิวเฉียด โดยจากการลงมตินั้นผลปรากฏว่า มีสมาชิก 278 คนที่โหวตสนับสนุน หรือขาดไปเพียง 9 เสียงเท่านั้นก็จะได้เสียงข้างมาก เปิดทางให้มาครงยังสามารถผลักดันแผนปฏิรูปบำนาญต่อไปได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก จนวานนี้เกิดเหตุที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผากองขยะ ณ ใจกลางกรุงปารีส

การลงมติดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ส.ส. บางส่วนไม่พอใจที่รัฐบาลมาครงใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49.3 ผ่านกฎหมายบำนาญฉบับใหม่ไปก่อนหน้านี้ โดยแผนปฏิรูปเงินบำนาญของมาครงที่กำลังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ประเด็นสำคัญคือการปรับเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญจากเดิม 62 ปี เป็น 64 ปี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มจำนวนปีให้กับผู้ที่ต้องจ่ายเงินสมทบ เพื่อให้ได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวนอีกด้วย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า แผนปฏิรูปนี้อาจไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย

ข่าวดังกล่าวทำให้ผู้ประท้วงลุกฮือออกมาแสดงการต่อต้านอีกครั้ง โดยวานนี้นักดับเพลิงต้องมาช่วยกันดับไฟบนกองขยะที่ถูกเผาไหม้เกลื่อนถนนของกรุงปารีสจากฝีมือของผู้ประท้วง โดยกองขยะที่สุมกันเป็นจำนวนมากนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพนักงานเก็บขยะก็เป็นกลุ่มแรงงานที่ตัดสินใจหยุดงานเพื่อแสดงความไม่พอใจด้วย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามเข้าสลายการชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงด้วย

แม้มาครงจะรอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สหภาพแรงงานและพรรคฝ่ายค้านประกาศกร้าวว่า พวกเขายังคงไม่ยอมแพ้ โดยจะมีการยกระดับความรุนแรงในการประท้วง เพื่อพยายามกดดันให้รัฐบาลยอมเปลี่ยนนโยบายให้ได้