เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกมากล่าวถึงปมขัดแย้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงเที่ยวของวันนี้ (24 ส.ค.) โดยระบุว่าความตึงเครียดในประเด็นทางการค้าจะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย
หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศตั้งกำแพงภาษีในอัตรา 5-10% กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่ทรัมป์จะโต้กลับทันควันด้วยการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 15% และ 30% กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวม 550,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความขัดแย้งของทั้งสองประเทศอาจจะทำให้สินค้าในกลุ่มไวน์ของฝรั่งเศสได้รับผลกระทบไปด้วย
ผู้นำฝรั่งเศสยังบอกอีกด้วยว่า เขาพยายามจะโน้มน้าวให้ประเทศพันธมิตรได้เห็นว่าความขัดแย้งทางการค้านั้นส่งผลเสียกับทุกฝ่าย และจะพยายามทุกวิธีเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก
“เราจำเป็นจะต้องยกระดับและทำให้เกิดเสถียรภาพเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เราจำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดการเติบโตและการสร้างงาน” มาครงกล่าวก่อนเตรียมเข้าร่วมประชุมซัมมิต G7
ทั้งนี้การประชุมสุดยอดผู้นำประจำปี G7 จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้เป็นวันแรก โดยมีฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุมในเมืองบิอาร์ริตซ์ ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: