เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เตรียมเดินทางไปเยือนจีนเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ท่ามกลางกระแสจับตามองของสื่อว่า ยุโรปกำลังวางหมากเจรจาหาจุดสมดุลทางเศรษฐกิจและความมั่นคงจากจีน หลัง เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีกำลังอยู่ใน ‘จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ’
ตามกำหนดการ มาครงจะเยือนจีนตามคำเชิญของสีจิ้นผิง ตั้งแต่วันที่ 3-5 ธันวาคมนี้ โดยจะเริ่มต้นจากการเยือนพระราชวังต้องห้าม และเข้าพบประธานาธิบดีทั้งในกรุงปักกิ่ง และเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ท่ามกลางวาระสำคัญทางการเมือง คือ การเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์จีน-ฝรั่งเศส
ทั้งนี้ ทางการฝรั่งเศสระบุว่า ประเด็นหลักในการเจรจาทวิภาคีระหว่างจีน คือ การปรับสมดุลทางการค้า และการเปิดช่องทางให้ยุโรปเข้าถึงเทคโนโลยีจากจีนได้ยิ่งขึ้น ขณะที่จีนออกแถลงการณ์ว่า ทางการยินดีใช้โอกาสการเยือนของมาครง สื่อสารหารือร่วมกันในเชิงยุทธศาสตร์ กระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการทำงานแบบพหุภาคี ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
การเยือนของมาครงถูกจับตามองว่า มีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ยุโรป หลังเออร์ซูลากล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้กำลังอยู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้าและทรัพยากรสำคัญ หลังสหรัฐอเมริกาเปิดศึกทำสงครามกับจีน ด้วยการกีดกันการนำเข้าสินค้าบางชนิดและเหล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยุโรปหลายประเทศ ขณะที่ภูมิภาคยังรู้สึกวิตกกังวลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ EV และศักยภาพแปรรูปแร่หายากของจีน
ขณะเดียวกัน มีการวิเคราะห์ว่า มาครงอาจใช้การเจรจาครั้งนี้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยยุโรปสามารถแสดงตัวเป็น ‘คู่ค้าทางธุรกิจ’ และกระชับความสัมพันธ์กับจีน เพื่อถ่วงดุลอำนาจรัสเซียได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจับตามองว่า มาครงต้องไม่ก่อ ‘ความผิดพลาด’ เหมือนทริปเยือนจีนในปี 2023 หลังเขาให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ ในการรับมือสถานการณ์จีนบุกไต้หวันว่า ยุโรปไม่ควรเป็นฝ่ายตามสหรัฐฯ และควรมีอิสระเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับอเมริกา
โนอา บาร์กิน (Noah Barkin) ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจาก Rhodium Group มองว่า มาครงต้องระวังคำพูดของตนเองยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่เดิมพันมีมากกว่าเรื่องของฝรั่งเศสกับยุโรป
ภาพ: Andrea Savorani Neri / Reuters
อ้างอิง:


