เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เตรียมเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเสนอภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสและยุโรปในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ‘โดยไม่มีเงื่อนไขแอบแฝง’ ในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจีน ต่างใช้นโยบายเชิงรุกมากขึ้นในการแสวงหาอิทธิพลในภูมิภาคนี้ ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส
มาครงมีกำหนดเดินทางถึงกรุงฮานอยในวันนี้ (25 พ.ค.) ถือเป็นการเยือนเวียดนามโดยผู้นำฝรั่งเศสครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังอินโดนีเซีย และปิดท้ายที่สิงคโปร์ ซึ่งเขาจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Shangri-La Dialogue ซึ่งเป็นเวทีหารือด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุดของเอเชีย
เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า มาครงจะนำเสนอภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสและยุโรปในฐานะผู้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศและการค้าเสรีที่ยึดหลักกติกา ซึ่งแตกต่างจากประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ที่ใช้นโยบายแบบ ‘บีบบังคับ’ หรือ ‘ล่าอาณานิคมในรูปแบบใหม่’
ทั้งนี้ เวียดนามซึ่งพึ่งพาการส่งออกได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามเรื่องการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ มาแล้ว ขณะที่ฝรั่งเศสเองก็กำลังพยายามลดการพึ่งพาจีน ด้วยการหาตลาดและแหล่งจัดหาสินค้าทางเลือกใหม่
เจ้าหน้าที่จากเอลิเซ่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว Reuters ว่า มีการเตรียมการลงนามในข้อตกลงหลายฉบับระหว่างการเยือนทั้งสามประเทศ
การเยือนครั้งนี้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจากที่ผู้นำจีน ญี่ปุ่น และประเทศยุโรปอื่นๆ ได้เดินทางมาเยือนภูมิภาคนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานและการค้าโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
นอกจากนี้ มาครงยังเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ต่อเยาวชนอินโดนีเซีย และในเวทีที่สิงคโปร์ เพื่อลบ ‘ความเข้าใจผิด’ ต่อจุดยืนของยุโรปในประเด็นความขัดแย้งนอกภูมิภาค เช่น การยืนยันว่า ยูเครนไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของยุโรป และการตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ว่า ยุโรปมี ‘มาตรฐานคู่’ ในกรณีของกาซา
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มาครงวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลอย่างเปิดเผยมากขึ้น โดยเคยกล่าวว่าการกระทำของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลในกาซานั้น “น่าละอาย” ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสคาดว่าท่าทีดังกล่าวจะได้รับการตอบรับในทางบวกจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
เมื่อถูกถามว่าฝรั่งเศสต้องสร้างความเชื่อมั่นต่ออินโดนีเซียหรือไม่ หลังจากเครื่องบินรบ Rafale ของอินเดียเคยถูกปากีสถานยิงตก เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสระบุว่า การเยือนครั้งนี้ ‘ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวเฉพาะเรื่องใดเป็นพิเศษ’
“พันธมิตรของฝรั่งเศสรู้ดีว่า ต่างจากประเทศอื่นๆ เช่นสหรัฐฯ การสนับสนุนจากฝรั่งเศส ‘ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด’” ที่ปรึกษากล่าว
ภาพ: Thomas Samson / Pool via Reuters
อ้างอิง:
