ช่วงบ่ายวันนี้ (24 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการประชุม คสช. เมื่อช่วงเช้า เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและโทรคมนาคมว่ามีการหารือว่าจะมีมาตรการใดที่เหมาะสม ต้องดูบริบททั้งหมด รัฐบาลยืนยัน ประเทศต้องไม่เสียประโยชน์ ต้องมีทางแก้ไข รัฐบาลจะหาทางออกให้ดีที่สุดในขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งยังไม่ออกมาตรา 44 วันนี้ แต่จะได้ข้อชัดเจนเร็วที่สุด
ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุม คสช. ในวันนี้มีข้อสรุปเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 3 ประการ
- อนุญาตให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลพักชำระหนี้ได้ 3 งวด ในการชำระเงินงวดที่เหลือของปี 2561-2565 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแรง มีกำลังเงินไว้ดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ในระหว่างที่พักชำระหนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 1.50% ต่อปี
- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะช่วยเหลือในเรื่องค่าโครงข่ายที่เปลี่ยนจากระบบอะนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลให้แก่ผู้ให้เช่าโครงข่าย ได้แก่ บมจ. อสมท, ช่อง 5 และไทยพีบีเอส ในอัตรา 50% เป็นเวลา 2 ปี โดยที่เหลืออีก 50% ผู้ประกอบการเป็นผู้ชำระเอง
- อนุญาตให้โอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจทีวีดิจิทัลได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่สนใจได้เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในอนาคต
ทั้งนี้ คสช. จะมีการออกคำสั่งตามมาตรการดังกล่าวภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากจะถึงกำหนดที่ต้องชำระเงินงวดต่อไปในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2561
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้น ในวันนี้ยังไม่ข้อสรุป เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหารายละเอียดที่แตกต่างจากกรณีของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม คสช. มีมติใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ยกเลิกและระงับการสรรหากรรมการ กสทช. ชุดใหม่ เนื่องจากมีปัญหาและมีข้อร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติ ประกอบกับกฎหมายกำหนดจะต้องเลือกใหม่ให้ได้ภายใน 30 วัน จึงเกรงว่าจะไม่ทันกรอบเวลา
ทั้งนี้ยังคงให้คณะกรรมการ กสทช. ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ตามความจำเป็นไปพลางก่อน
โดยก่อนหน้านี้มีข่าวคลิปเสียงบุคคลอ้างว่านายกรัฐมนตรีไม่พอใจรายชื่อว่าที่ กสทช. ชุดใหม่ เป็นเหตุให้ สนช.โหวตคว่ำผู้สมัครยกชุด
สำหรับเรื่องนี้ พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่ากำลังติดตามต้นตอคนปล่อยคลิปเสียงอยู่ ยืนยันว่าตนไม่รู้สึกเดือดร้อนที่มีการอ้างชื่อ เพราะรู้ว่าชื่อนายกฯ ขายได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าตนทำหรือไม่ได้ทำอะไร