การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของธุรกิจตลาดลักชัวรีดูเหมือนจะคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลาและมีการซื้อขายกิจการเป็นว่าเล่น ล่าสุดบริษัทลักชัวรีเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง LVMH ได้ประกาศออกมาแล้วว่าสนใจและอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อจะซื้อกิจการเครื่องประดับ Tiffany & Co. ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1837 โดย ชาร์ลส์ ลูอิส ทิฟฟานี่ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมร้านค้าอีกกว่า 300 ร้าน และพนักงานอีก 1.4 หมื่นคน
แม้ทาง LVMH จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากการคอนเฟิร์มข่าวลือว่าสนใจซื้อ Tiffany & Co. แต่หากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้การเทกโอเวอร์ของ LVMH ในครั้งนี้มีราคาสูงสุด นับตั้งแต่ที่เคยซื้อแบรนด์เครื่องประดับ Bulgari ของประเทศอิตาลีในปี 2011 ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักการตลาด ไมเคิล ฮิวสัน แห่งบริษัท CMC Markets UK บอกกับทาง BBC ว่าแผนการซื้อ Tiffany & Co. จะทำให้ LVMH กลายเป็นอีกหนึ่งผู้นำด้านสินค้าเครื่องประดับไฮเอนด์ เพื่อให้เทียบเท่ากับคู่แข่งสำคัญอย่างบริษัท Richemont ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Cartier ส่วนบริษัท Kering ก็เพิ่งขยายอาณาจักรของแบรนด์เบอร์หนึ่งในเครืออย่าง Gucci ด้วยการเปิดไลน์เครื่องประดับชั้นสูง หรือที่เรียกกันว่า Fine Jewelry เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ฮิวสันยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการซื้อกิจการ Tiffany & Co. จะช่วยให้ LVMH สามารถขยายธุรกิจในตลาดอเมริกาที่ถือว่าสำคัญมาก และเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนทาง LVMH ก็เพิ่งยกโปรไฟล์ตัวเองกับการเปิดโรงงานใหม่ของแบรนด์เบอร์หนึ่งในเครืออย่าง Louis Vuitton ที่ได้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาร่วมเป็นเกียรติภายในงาน
ตั้งแต่มีข่าวนี้ปล่อยออกมา ราคาหุ้นของ Tiffany & Co. ที่อยู่ในตลาดทรัพย์ของนิวยอร์กก็พุ่งสูงขึ้น 22.8% ด้าน LVMH เอง แม้จะเจอปัญหาด้านยอดขายในตลาดสำคัญอย่างฮ่องกง แต่ทางบริษัทของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ที่มีพนักงานกว่า 1.56 แสนคนจากกว่า 75 แบรนด์อย่าง Dior, Kenzo, Givenchy, Tag Heuer และ Rimowa ก็เพิ่งประกาศรายได้ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% หรือเทียบเป็นมูลค่า 3.84 หมื่นล้านยูโร เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2018
ภาพ: Courtesy of Brand
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: