ผ่านพ้นไปอย่างยิ่งใหญ่และฝากความประทับใจลงในความทรงจำและหัวใจของผู้คนไปทั่วโลกได้อย่างแท้จริง สำหรับแฟชั่นโชว์ Louis Vuitton Men’s Spring/Summer 2024 โชว์เดบิวต์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการของ Pharrell Williams ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่ของเมซง
และหากสังเกตให้ดี ในโชว์ยังมีการนำเอา ‘หีบเดินทาง’ ดีไซน์ใหม่ และกระเป๋าที่ทำจากหนัง Exotic มารวมไว้ในโชว์ด้วย ซึ่งเป็นอีกนัยของแก่นแท้ของ Louis Vuitton ที่ต้องการตอกย้ำเรื่อง ‘Savoir Faire’ หรือ Know-how ของเมซง ด้วยผลงานสร้างสรรค์ชิ้นงานต่างๆ ผ่านงานฝีมืออย่างน่าอัศจรรย์
ซึ่งหากจะเจาะลึกไปถึงแก่นของแบรนด์ Louis Vuitton แล้วละก็ เราคงต้องย้อนไปดูเรื่องราวของหีบเดินทาง โดยล่าสุด Louis Vuitton นำเรื่องราวความประณีตพิถีพิถันของงานฝีมืออันสร้างสรรค์มารวมไว้ในงาน ‘Louis Vuitton Savoir Revêr’ และจัดขึ้นอย่างเอ็กซ์คลูซีฟที่กรุงเทพฯ
ในบทความนี้เราจึงอยากเชื้อเชิญผู้อ่านทุกท่านให้ร่วมออกเดินทางสำรวจผลงานสร้างสรรค์ของ Louis Vuitton ที่ยังคงความงดงามไร้กาลเวลา ผ่านห้องต่างๆ ของงาน Louis Vuitton Savoir Revêr ไปพร้อมๆ กัน ผ่านตัวอักษรที่ THE STANDARD POP ร้อยเรียงเพื่อไขคำตอบว่า ความน่าสนใจของงาน Savoir Revêr คืออะไรกันแน่ แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับหีบเดินทางและ Louis Vuitton?
‘Crafting Dream’ สร้างฝันสู่ความเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คำว่า Savoir Revêr ในภาษาฝรั่งเศสตีความได้ว่า ‘Crafting Dream’ หรือการเรียนรู้วิธีการสร้างสรรค์ความฝันให้เกิดกลายเป็นจริง แต่หากแปลตามหลักไวยากรณ์ ความเป็น Louis Vuitton คำคำนี้จะแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หมายถึงการสร้างสรรค์ความฝันให้เป็นไปได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง
สาเหตุที่ต้องเป็นงาน Louis Vuitton Savoir Revêr ก็เพราะว่า Louis Vuitton หวังที่จะร้อยเรียงเรื่องราวผลงานการสร้างสรรค์งานดีไซน์ของพวกเขาผ่านเลนส์ของ ‘งานศิลป์ที่พิถีพิถัน’ และเป็นมากกว่าแค่มุมมองด้านแฟชั่น ซึ่งเป็น DNA ที่แท้จริงของ Louis Vuitton ที่ฝังรากลึกอยู่ในทุกอณูของเมซงมานานนับหลายร้อยปี
ที่สำคัญในงาน Louis Vuitton Savoir Revêr นอกจาก Louis Vuitton จะถ่ายทอดเรื่องราวความพิถีพิถันผ่านงานศิลป์ เปิดรับผู้คนเข้าสู่โลกของพวกเขา Louis Vuitton ยังได้ร้อยเรียงมุมมองเชิง ‘นวัตกรรม’ และการเปลี่ยนผ่านในแต่ละช่วงสมัย การทำงานร่วมกับศิลปิน ดีไซเนอร์มากฝีมือในหลากหลายแขนง เพื่อให้เห็นว่า Louis Vuitton มีเรื่องราวการเดินทางที่น่าสนใจอย่างไร
5 ธีมจัดแสดง กับโลกของ Louis Vuitton ที่อยากชวนคุณมารู้จัก
จากจุดเริ่มต้นในการคิดค้นหีบเดินทาง ที่เป็นเสมือนไอคอนบ่งบอก DNA สำคัญของ Louis Vuitton ทั้งยังให้ความหมายแฝงถึงการเดินทางบนเส้นทางการสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดพักจวบจนถึงปัจจุบัน เราจะพบกับเรื่องราวของงานดีไซน์ร่วมสมัยที่ควบคู่ไปกับเบื้องหลังอันเป็นมรดกตกทอดของแบรนด์
ในงาน Savoir Revêr นั้น Louis Vuitton จะพาคุณออกเดินทางสู่โลกของพวกเขา ที่รวบรวมผลงาน เรื่องราว ความเป็น Louis Vuitton และถ่ายทอดออกมาผ่านการจัดแสดงผลงานใน 5 ห้องธีมจัดแสดง
Flower Monogram Motif ขนาดใหญ่ ที่สร้างสรรค์ด้วยการนำหมุดทองเหลือง
ที่ใช้ในการทำหีบเดินทางของ Louis Vuitton หลายร้อยใบมาผูกและเรียงร้อยห้อยบนเส้นเอ็น
เริ่มต้นต้อนรับแขกผู้เข้าชมด้วย ‘Flower Monogram Motif’ ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นผ่านกระบวนการคิดที่แฝงไปด้วยความหมาย โดยการนำหมุดทองเหลืองที่ใช้ในการทำหีบเดินทางหลายร้อยหมุดมาผูกและเรียงร้อยห้อยบนเส้นเอ็น แล้วนำลวดลาย Malletage หรือลายตารางที่บุด้านในของฝาปิดหีบเดินทางมาประทับติดอยู่เบื้องหลัง สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าชมงานได้ตั้งแต่แรกพบ
อีกด้านหนึ่งจัดทำขึ้นเป็นห้องพิเศษกับประสบการณ์ VR พาคุณไปยังจุดหมายแรกคือ Asnières บ้านหลังเก่าแก่ของครอบครัว Louis Vuitton ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประกอบกับงานสถาปัตยกรรมอาร์ตนูโวอันทรงคุณค่า โดยนำเทคโนโลยี VR มาผสมผสานเล่าเรื่องราวพร้อมวิเวียน มาสคอตของแบรนด์ที่ทำหน้าที่พาเยี่ยมชม
ถัดมาบริเวณทางเข้าด้านหน้างานถูกตกแต่งด้วย ‘Quetzal’ ผลงาน Objets Nomades โดย Atelier Oï ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนกสีสันสวยงามของทวีปอเมริกาใต้ ถ่ายทอดสู่ดีไซน์ของโมบายตกแต่งผนังอันอ่อนช้อย จนดูราวกับว่าปีกของเจ้านกหลากสีตัวนี้กำลังสยายและโบยบินอยู่ในม่านอากาศตลอดเวลา
1. ห้องแสดงหีบเดินทาง และ Objets Nomades – นับหนึ่งด้วยการพาคุณเดินทางไปค้นพบเรื่องราวบ้านของครอบครัว Louis Vuitton ที่ Asnières นอกกรุงปารีส และอาเตลิเยร์ที่รังสรรค์งานฝีมือด้วยทักษะชั้นสูงของช่างที่สืบทอดส่งต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
หีบเดินทางที่เปรียบเสมือนงานศิลป์ระดับไอคอนิกของ Louis Vuitton
ถูกออกแบบผ่านดีไซน์การใช้งานหลากรูปแบบความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัดกรอบ
เรายังได้เห็นหีบเดินทางรูปแบบต่างๆ ที่ถูกดีไซน์ผ่านการตีความหลากรูปแบบจากความต้องการ หรือความฝันที่ Louis Vuitton มุ่งหวังที่จะสร้างสรรค์ให้เป็นจริง ตั้งแต่หีบขนาดเล็กเพื่อใส่นาฬิกา เครื่องประดับ แชมเปญ ดอกไม้ ต้นบอนไซ ไปจนถึงหีบเดินทางใบใหญ่ที่ออกแบบในรูปลักษณ์โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง อุปกรณ์สำหรับทำเครื่องดื่มค็อกเทลในงานปาร์ตี้ เซ็ตน้ำชาไฮที เป็นต้น
รวมไปถึงผลงานล่าสุด Cabinet of Curiosities โดย Marc Newson นักออกแบบชื่อดังร่วมสมัย ที่นำความเข้าใจศิลปะในการใช้ชีวิตมาถักทอสู่ชิ้นงานออกแบบคอลเล็กชันตกแต่งบ้าน Objets Nomades ที่เชื้อเชิญเหล่าดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อย่าง Campana Brothers, Atelier Oï, Marcel Wanders ฯลฯ มาร่วมจินตนาการรังสรรค์เฟอร์นิเจอร์เปี่ยมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ในการเคลื่อนย้าย
ตั้งแต่เปลญวนจากหนังอันหรูหรา เก้าอี้สตูลแบบพับได้ เก้าอี้อาร์มแชร์ ฉากกั้นห้องที่งดงามตระการตา เก้าอี้เลานจ์เอาต์ดอร์ ซึ่งนับเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง โดยสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดของงานฝีมืออันซับซ้อน และนวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ของเมซง
2. มุมพิเศษของ Vivienne – โซนพิเศษสำหรับจัดแสดง ‘วิเวียน’ เจ้ามาสคอตที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเหลือล้นของ Louis Vuitton กับเอกลักษณ์หัวกลีบดอกไม้ และดวงตาข้าง Monogram Flower ในอิริยาบถและรูปโฉมที่ต่างกันออกไป (ชื่อของวิเวียนมาจาก VVN Leather หรือหนังที่ใช้ในการผลิตกระเป๋าของ Louis Vuitton)
วิเวียนถูกเปิดตัวครั้งแรกในฐานะมาสคอตของ Louis Vuitton เมื่อเดือนตุลาคม 2017 ด้วยคาแรกเตอร์น่ารัก สนุกสนาน โดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณความเป็น Louis Vuitton ผ่านชิ้นงานฝีมือทำจากไม้และหนัง ผสมผสานกับวัสดุแตกต่างกันออกไป ทำให้วิเวียนกลายเป็นที่โปรดปรานของผู้คนได้ไม่ยาก
ปัจจุบัน วิเวียนเป็นเหมือนตุ๊กตาของนักสะสม ที่มีดีไซน์เปลี่ยนไปตามซีซัน พร้อมเพิ่มเติมสมาชิกใหม่ได้แก่ Gaston และ Petula โดยที่ Louis Vuitton ยังได้รังสรรค์หีบเดินทางพิเศษที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเป็นบ้านของวิเวียนโดยเฉพาะอีกด้วย
3. ห้องจัดแสดงเครื่องหนัง Exotic – เป็นห้องที่จัดแสดงผลงานการออกแบบของ Louis Vuitton เพื่อบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของเมซงในการคัดเลือกหนังหายาก ไปจนถึงขั้นตอนการผลิตที่ไม่ธรรมดา ก่อนจะนำมารังสรรค์ผ่านรูปทรงกระเป๋ารุ่นไอคอนิก เช่น Capucines, Petite Malle และ City Steamer
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Louis Vuitton เปิดตัวการใช้เทคนิคบนหนังแบบ ‘Brush Rosa’ ซึ่งเป็นกระบวนการขั้นสูงเพื่อให้ได้สีสันพิเศษบนหนัง โดยช่างฝีมือจะต้องเพนต์สีด้วยพู่กันจากสีชมพู สีเหลืองเข้ม และขาว ลงน้ำหนักเพียงบางเบา ให้เป็นลวดลายแพตเทิร์น พร้อมทั้งลงสีเงินที่เพิ่มประกายกลิตเตอร์ เพื่อให้ได้กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์เพียงใบเดียวเฉพาะตัว
4. โซนนาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูง – เครื่องประดับชั้นสูงเป็นอีกหนึ่งงานศิลป์ที่ Louis Vuitton นำมาจัดรวมภายในงาน ภาพของจัตุรัส Place Vendome แหล่งรวมอาเตลิเยร์เครื่องประดับในกรุงปารีส ตอกย้ำการให้ความสำคัญของเมซงที่มีสถานที่ผลิตชิ้นจิวเวลรีด้วยทักษะขั้นสูง
โดยการออกแบบของ Francesca Amfitheatrof ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ Louis Vuitton จะใส่ใจและพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกอัญมณีและเพชร ซึ่งมีคุณสมบัติไร้ที่ติ พร้อมรูปแบบการเจียระไนแบบพิเศษ Star Cut และ Flower Cut ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง รวมไปถึงการคัดอัญมณีสี เช่น มรกต แซฟไฟร์ และทับทิม ลงในคอลเล็กชันต่างๆ เช่น Bravery, Rider of the Knights, และ Coquette ล้วนแล้วแต่ใส่ใจรายละเอียดอันเป็นไอคอนของเมซงแทบทั้งสิ้น
ส่วนนาฬิกาชั้นสูง Louis Vuitton รังสรรค์ภายใต้เวิร์กช็อปของเมซงเองทั้งหมดเพียงแห่งเดียวที่ La Fabrique Du Temps ในเจนีวา พร้อมทั้งพัฒนารูปแบบตัวเรือนและกลไก อาทิ Escale Spin Time ที่เป็นกลไกเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตารางบอกเวลาเดินทางในสนามบินที่เปลี่ยนช่อง หรือ Tambour Moon Mysterious Flying Tourbillon ที่ซ่อนกลไกไว้ราวกับลอยอยู่บนหน้าปัด พร้อมทั้งการรับรองโดย Geneva Seal นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาที่เป็นเครื่องประดับ อย่าง Vivienne Secret Watch ที่ตกแต่งอัญมณีพร้อมทั้งซ่อนหน้าปัดไว้ด้านในสำหรับสุภาพสตรีอีกด้วย
5. ห้องไลฟ์สไตล์ และเกมกีฬา – ห้องสุดท้ายของงาน Savoir Revêr เป็นห้องที่ไม่เพียงต่อยอดมาจากห้องหีบเดินทาง และคอลเล็กชันของตกแต่งบ้าน Objets Nomades ของ Louis Vuitton เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบต่างๆ
ตั้งแต่หีบเดินทางที่เป็นอุปกรณ์พัตต์กอล์ฟ หีบเดินทางสำหรับปาร์ตี้ซึ่งบรรจุแชมเปญพร้อมแก้วประเภทต่างๆ สเกตบอร์ดตกแต่งลวดลายอันทันสมัย หีบเดินทางสำหรับเก็บรองเท้าสนีกเกอร์ ไปจนถึงโต๊ะปิงปอง โต๊ะบิลเลียด จักรยาน ฯลฯ ทั้งหมดล้วนใส่ใจในรายละเอียดของงานดีไซน์ที่ผสานงานฝีมืออันประณีต ที่เป็นหัวใจสำคัญของ Louis Vuitton
ในท้ายที่สุด Savoir Revêr หรือ Crafting Dream จึงกลายเป็นนิยามที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง หากมองจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการบันดาลฝันสร้างสรรค์ของ Louis Vuitton และงาน Savoir Revêr ที่ทำให้เราได้มองเห็นการเดินทางต่อจุด ที่เริ่มจากจุดเล็กๆ ด้วยหมุดทองเหลืองในหีบเดินทาง ที่ไร้ซึ่งกรอบหรือเส้นแบ่งทางความคิดใดมาจำกัดความ ไปสู่ความเป็นไปได้มากมายหลายรูปแบบที่ไม่รู้จบ