อุตสาหกรรมสินค้าหรูส่อแววซบยาว แม้แต่นักช้อปจีนฐานะร่ำรวยยังไม่พร้อมใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หวั่นสถานการณ์โควิดไม่แน่นอน แม้เปิดประเทศแล้ว แนะแบรนด์เร่งปรับตัว ชี้อาจรอนานถึงปี 2024 ชาวจีนถึงจะกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง
Bloomberg รายงานว่า Citigroup Inc. ได้ติดตามการใช้จ่ายของกลุ่มคนที่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยในต่างประเทศ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ผ่านบัญชีบัตรเครดิตที่ใช้งานอยู่จำนวน 15 ล้านบัญชี ก่อนเทศกาลช่วงวันหยุดที่สำคัญ โดยอเมริกามีการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงเป็นเลขสองหลัก ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ลดลง 11% ถ้าเทียบกับปี 2021
อาจเป็นไปได้ว่าการใช้จ่ายเริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากการทำธุรกรรมลดลง ผู้ซื้อมีขอบเขตในการจับจ่ายมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคม
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ
- สรุป 5 ประเด็นเศรษฐกิจสำคัญ จากสุนทรพจน์ ‘สีจิ้นผิง’ เปิดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
ตามรายงานของ Bain & Co ประเมินว่าอุตสาหกรรมสินค้าฟุ่มเฟือยซบเซาลง ทั้งในจีน ยุโรป และอเมริกา คาดการณ์ว่ายอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในปี 2022 จะมีการเติบโตเพียง 3-5% เท่านั้น เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในจีนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และยิ่งไปกว่านั้นอาจไม่ได้เห็นการช้อปล้างแค้น หลังจากที่อัดอั้นมานาน เหมือนที่เคยเห็นในปี 2020
ขณะเดียวกันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา Citigroup เริ่มเห็นอัตราการใช้เงินลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้แต่ลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยยังมีพฤติกรรมซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง หลังจากสินค้าหลายรายการได้ปรับขึ้นราคา
ทั้งนี้ แม้ว่าปักกิ่งจะปรับนโยบาย Zero-COVID แล้ว แต่การเปิดประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้หลายคนอาจยังไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน และที่สำคัญต้องจับตาดูสถานการณ์โควิดต่อไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ท้ายที่สุดปี 2022 ตามมาด้วยข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งบั่นทอนความกระตือรือร้นของผู้คน ต้องยอมรับว่าคนที่ซื้อสินค้าไฮเอนด์ส่วนใหญ่ จะซื้อก็ต่อเมื่อมั่นใจในฐานะการเงินของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้าที่จะได้รับอานิสงส์จากจีนเปิดประเทศ ได้แก่ Hermes International ตามด้วย LVMH อย่าง Louis Vuitton และ Dior ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีขนาดและทรัพยากรเพียงพอที่จะรักษาแบรนด์ให้อยู่ในใจผู้บริโภคได้
และจากนี้ต่อเนื่องไปอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แบรนด์ต่างๆ ยังต้องปรับตัวรับมือกับความไม่แน่นอน เพราะแม้แต่การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายได้ แถมนักช้อปสินค้าชาวอเมริกันก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าต้องรอโอกาสในปี 2024 ที่ผู้บริโภคชาวจีนจะเดินทางออกนอกประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และเกิดการใช้จ่ายอย่างเต็มที่หลังจากอัดอั้นมานาน
อ้างอิง: