วานนี้ (1 ธันวาคม) ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต พร้อมให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศให้ประชาชนพ้นจากความยากจนและปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำบราซิลอย่างเป็นทางการ ลูลากล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ‘ประชาธิปไตยคือผู้ชนะที่แท้จริง’ โดยในครั้งนั้นลูลาคว้าชัยในศึกการเลือกตั้งรอบตัดสิน เฉือนเอาชนะอดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้าอย่าง ฌาอีร์ โบลโซนาโร ไปอย่างหวุดหวิด ด้วยคะแนนเสียง 50.9% ต่อ 49.1%
“ประชาธิปไตยคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเอาชนะภัยคุกคามที่รุนแรงที่สุดต่อเสรีภาพในการลงคะแนนเสียง และเอาชนะเรื่องโกหกและความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อวางแผนจะบงการและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอับอาย” ลูลากล่าว ซึ่งเป็นการโจมตีโบลโซนาโรโดยไม่เอ่ยชื่อ อีกทั้งยังระบุด้วยว่า รัฐบาลของโบลโซนาโรกระทำการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ เนื่องจากไม่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดได้อย่างเหมาะสม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศกว่า 680,000 คน
สำหรับแผนการในการฟื้นฟูประเทศของผู้นำคนใหม่นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่ถูกมองข้ามไปในรัฐบาลของโบลโซนาโร ทั้งการปกป้องสิ่งแวดล้อมในป่าฝนแอมะซอน การแก้ปัญหาด้านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน และการปกป้องชนพื้นเมืองและชนกลุ่มน้อย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงบราซิลให้เป็นผู้นำด้านพลังงานสีเขียว
อนึ่ง ชัยชนะของลูลาถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของพรรคฝ่ายซ้ายที่จะขึ้นบริหารประเทศ รวมถึงเป็นการหวนคืนสู่ตำแหน่งทางการเมืองของตัวลูลาเองด้วย โดยลูลาเป็นอดีตประธานาธิบดีคนที่ 35 ของบราซิล ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 2 สมัยติด (2003-2011) แต่มาในปี 2018 เขาถูกศาลพิพากษาให้รับโทษในเรือนจำจากคดีทุจริตคอร์รัปชัน จนส่งผลให้ต้องจำคุกนานถึง 580 วัน แต่ภายหลังจากนั้นผู้พิพากษาสูงสุดของบราซิลได้ตัดสินให้คำพิพากษาคดีคอร์รัปชันเป็นโมฆะ จึงเปิดทางให้เขาได้ลงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกสมัย
ภาพ: Andressa Anholete / Getty Images
อ้างอิง: