ชั่วโมงนี้คงไม่มีแบรนด์กาแฟเจ้าใดจะร้อนแรงไปมากกว่า Luckin Coffee เชนกาแฟชื่อดังจากจีนอีกแล้ว เมื่อบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2019 ที่ผ่านมา และพบว่า มีรายได้รวมสุทธิจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากถึง 1,493.2 ล้านหยวน เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมากถึง 557.6% พร้อมจำนวนสาขาที่ 3,680 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 209.5%
สาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Luckin Coffee เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น, การปรับราคาจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจำนวนสินค้าที่ลูกค้าซื้อต่อ 1 ใบเสร็จ ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือว่าพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะต้องไม่ลืมว่า Luckin Coffee เพิ่งก่อตั้งได้แค่ประมาณ 2 ปีเท่านั้น (เดือนตุลาคม 2017)
รายน์เอาต์ ชาเกล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงเป้าหมายในการขยายสาขาของ Luckin Coffee ที่คาดว่า ภายในปี 2019 นี้จะมีจำนวนสาขามากกว่า 4,500 แห่ง ซึ่งน่าจะทำให้พวกเขามีจำนวนสาขาแซงเชนกาแฟชื่อดังของโลกอย่าง Starbucks ที่มีสาขาในจีนราว 4,000 แห่งในปัจจุบัน ได้สบายๆ แถมภายในปี 2022 พวกเขายังตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 6,000 แห่งด้วย
จุดแข็งที่ทำให้ Luckin Coffee สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วมาจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานในการช่วยวิเคราะห์การตั้งหน้าร้าน รวมถึงการใช้ตู้ Kiosks ในจำนวนที่มากกว่าเชนกาแฟทั่วๆ ไป
“ระดับประสิทธิภาพในสโตร์ขายกาแฟของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้เราจะมีการยกระดับค่อนข้างน้อย แต่ด้วยการยกระดับที่พอว่า คุณก็น่าจะพอเห็นเทรนด์ของการทำกำไรของ Luckin Coffee ได้อย่างชัดเจนแล้ว เราสามารถทำกำไรในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้เหนือความที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้เสียอีก และเราก็ยังจะคงเดินตามทิศทางดังกล่าว จนกระทั่งถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้า” ชาเกลให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่านการเงิน Luckin Coffee ยังเปิดเผยโมเดลการขยายสาขาไปต่างประเทศอีกด้วยว่า จะเป็นไปในรูปแบบของ Joint Venture กับพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศ ซึ่งตอนนี้บริษัทก็เพิ่งเซ็นสัญญาเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับผู้ประกอบการรายหนึ่งในโซนตะวันออกกลางไปหมาดๆ แถมยังไม่ปิดกั้นโอกาสในการรุกคืบให้บริการในสหรัฐฯ อีกด้วย
ขณะที่ช่วงไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ Luckin Coffee คาดการณ์ว่า น่าจะมีรายได้สุทธิจากการจำหน่ายสินค้าที่ประมาณ 2,100-2,200 ล้านหยวน ซึ่งเป็นรายได้ที่ยังไม่นับรวมสาขาใหม่ๆ ที่เปิดให้บริการผ่านโมเดลพาร์ตเนอร์ชิป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: