เมื่อค่ำคืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา THE STANDARD POP ได้เชิญชวนเหล่านักแสดงนำจากซีรีส์ ร้านยารักษารัก (Love Pharmacy) อย่าง เมฆ-จุติ จำเริญเกตุประทีป, อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ, ณ-ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์, ส้วม-สุขพัฒน์ โล่ห์วัชรินทร์ และผู้กำกับซีรีส์ โจโจ้-ทิชากร ภูเขาทอง มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวเบื้องหลัง และอาการป่วยๆ กลางกองถ่ายซีรีส์
ล่าสุด ร้านยารักษารัก (Love Pharmacy) ได้ออกอากาศตอนแรกให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) เราจึงถือโอกาสนี้ชวนแฟนๆ มาร่วมรับฟังเรื่องราวป่วยๆ กลางกองถ่ายซีรีส์ผ่านบทสนทนาของเหล่านักแสดงและผู้กำกับกันอีกครั้ง
จุดเริ่มต้นของความ ‘ป่วย’ ในซีรีส์ร้านยา รักษารัก
โจโจ้: โจทย์แรกมันเริ่มจากการที่ Bugaboo อยากร่วมงานกับเรา แล้วเราอยากทำซีรีส์แนวตลกบ้าง เพราะก่อนหน้านี้ทำแนวดราม่ามาเยอะแล้ว เราจึงหาพล็อตที่ไม่ไกลตัวเกินไปสำหรับฐานแฟนช่อง 7 เราเลยนึกถึงพล็อตความรักแบบคอเมดี้กวนๆ เราอยากให้คนที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ได้ยิ้ม ได้หัวเราะบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตค่อนข้างเครียด
อย่างมุกเรื่องอึ เรารู้สึกว่าจริงๆ มันเป็นมุกที่สามารถเล่นได้นะถ้าเราเล่นมันอย่างมีรสนิยม มีหนังที่เราชอบมากคือ Bridesmaids (2554) เขาเอาผู้หญิงมาเล่นมุกตลกเกี่ยวกับอึ หรือมุกตลกเจ็บตัวต่างๆ แต่เขานำเสนอได้อย่างชาญฉลาด มันทำให้หนังสนุกมาก เรารู้สึกอยากทำอะไรแบบนี้บ้าง เป็นโจทย์ต่อมาว่าเราจะทำมุกแบบนี้อย่างไรให้คนดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่น่าเกลียด แล้วเราก็แปลกใจมากที่ Bugaboo ทางช่อง 7 เขาตกลงเอาพล็อตที่นางเอกกับพระเอกมาเจอกันเพราะมะยมดอง เราว่ามันตลกดี
อีกเรื่องที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือการที่เราทำ Palody ล้อเลียน ถ้าจะพูดจริงๆ มันคือหอแต๋วแตก มันมีเส้นเรื่องที่ไปล้อละคร เพลิงพระนาง (2560) ล้อ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว (2545) ล้อโฆษณาต่างๆ ล้อ Notting Hill (2549) เราจึงเอาไอเดียที่เราอยากล้อเลียนมาผสมรวมกับเนื้อเรื่อง
ประสบการณ์ที่ได้การทำงานร่วมกับทีมนักแสดง
โจโจ้: คือการทำซีรีส์คอเมดี้เรื่องนี้เราต้องการพลังงานจากนักแสดงแบบเต็มร้อยเลย และนักแสดงทุกคนสามารถให้พลังงานกับเราได้เกินร้อยทุกคน เราให้ทำอะไรก็ทำหมด ทั้งน้องอร, ณ, เมฆ, ส้วม, ต้นน้ำ และอีกหลายๆ คน ด้วยความที่เป็นซีรีส์คอเมดี้มันอาศัยตลกกายภาพเยอะมาก แล้วทุกคนมีอะไรมาให้เราตลอดเวลา หรือบางทีเรามีมุกหน้ากองเกิดขึ้น มีมุกใหม่ๆ เสริมเข้าไป แล้วทุกคนสามารถเล่นให้เราได้
อย่างตอนแรกเราค่อนข้างกังวลกับอรว่าน้องเป็นถึง BNK48 เลยนะ น้องจะเล่นคอเมดี้แบบมานั่งอึอะ เขาจะเล่นให้เราไหม แต่น้องก็ทำให้เราเต็มที่ น้องสุดยอดมากจริงๆ หรือเมฆที่เป็นถึงพระเอกช่อง 7 แล้วต้องมาทำตัวกักขฬะในเรื่อง กินไอศกรีมเปื้อน เกาก้น ซึ่งเขาสามารถแสดงให้เราได้ เรียกว่าทุกคนบ้าบอมาก
ประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับ และพัฒนาตัวเอง
เมฆ: เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นครับ เนื่องจากผมเล่นละครมาก่อน แล้วศาสตร์ของการแสดงละครกับศาสตร์ของการแสดงซีรีส์แนวคอเมดี้มันค่อนข้างแตกต่างกัน มุกตลกก็มีความโบ๊ะบ๊ะที่แตกต่างกัน จังหวะการเล่นต่างๆ มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตื่นเต้น
ที่สำคัญที่สุดนะครับ ซีรีส์เรื่องนี้มีการสอนในสิ่งที่สุขศึกษาประเทศไทยไม่ได้สอนลึกลงไป ปกติเราจะสอนเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายถูกไหมครับ แต่ซีรีส์เรื่องนี้เรามีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเพศทางเลือกด้วย ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆ คนครับ
ส้วม: ซีรีส์เรื่องนี้มีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์เยอะมากครับ บางช่วงมีกลิ่นดราม่าแต่อยู่ๆ ก็สลับเป็นคอเมดี้ หรือบางช่วงที่กำลังเป็นคอเมดี้ อยู่ๆ ก็สลับเป็นดราม่า อารมณ์ของเรื่องมันขึ้นๆ ลงๆ เยอะมาก ฉะนั้นคนดูจะเดาทางซีนแต่ละซีนไม่ถูกเลยว่า เอ๊ะ ฉันจะถูกพาไปทางไหน
ณ: สำหรับผมค่อนข้างเครียดครับ คือตอนที่อ่านบทไฮโซวินเนอร์ครั้งแรกผมเครียดมากว่าเราจะเล่นตลกได้หรือเปล่า เพราะแต่ละครั้งที่วินเนอร์โผล่มามันจัดเต็มมาก แต่สุดท้ายพอมาอยู่หน้ากอง พี่โจ้เขาจะเพิ่มมุกเข้าไปเยอะมาก จนผมรู้สึกว่าพี่โจ้จะสนุกกับตัวละครนี้มาก เพราะวินเนอร์เป็นตัวละครที่สามารถปล่อยของได้เต็มที่ เราจะใส่อะไรเข้าไปก็ได้
อร: ตอนแรกอรยังไม่เข้าใจเท่าไรว่าการเล่นคอเมดี้เป็นแบบไหน อย่างช่วงที่เวิร์กช็อปพี่โจ้ยังกุมขมับเลยว่าเราจะเล่นได้ใช่ไหม ตอนนั้นหนูเลยบอกพี่เขาไปว่า หนูเองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้แต่หนูจะลองดูสักตั้ง แล้วทำการบ้านหนักมาก
โจโจ้: พออรเป็นตัวละครหลัก เรารู้สึกว่าถ้าอรไม่ส่งพลังให้คนอื่น มันจะไปไม่รอดแน่นอน อย่างเช่นมีฉากหนึ่งที่เราคาดหวังมากๆ ว่าถ้าน้องเล่นไม่ถึง ถ้าน้องไม่ทุ่มให้เรามันแป้กแน่นอน เพราะมันเสี่ยงมากเวลาที่เล่นแล้วมันจะคลิเช (ซ้ำซากจำเจ) เราจึงอยากให้ทุกคนได้ดูในซีรีส์ว่า อรพาเอเนอร์จี้ของตัวละครไปสู่จุดที่เราต้องกังวลว่าน้องจะบาดเจ็บหรือเปล่า (หัวเราะ)
อร: หนูอยากทำผลงานออกมาให้ได้ดีที่สุดค่ะ เนื่องจากว่าหนูเป็นคนที่ไม่ชอบเสียโอกาส หรือว่าไม่เต็มที่กับสิ่งที่ได้รับมา หนูพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุด ณ ตอนนั้นที่ทำได้ แล้วหนูคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้มันเป็นอีกหนึ่งผลงานที่พิสูจน์ตัวเองด้วยค่ะ เราเลยไม่ห่วงสวยแล้วสนุกไปกับมัน
โจโจ้: ตอนแรกที่เราเวิร์กช็อปกัน อรจะมีปัญหาว่าเขายังไม่รู้ว่าลิมิตความต้องการของคอเมดี้ต้องแค่ไหน แล้วอรเป็นนักแสดงที่เอเนอร์จี้ล้น จนเราต้องบอกอรว่า อรเบาลงมาหน่อย สักพักอรๆ กะเทยไปๆ พอเราเวิร์กช็อปกัน 3-4 ครั้งถึงจะเจอว่าแบบนี้แหละที่จะทำให้คนดูหลงรัก
อาการป่วยๆ หรือเรื่องป่วยๆ ของตัวละครแต่ละตัวที่ทุกคนต้องสวมบทบาท
ณ: สำหรับวินเนอร์ หลักๆ ความป่วยของมันคือ มันจะชอบมั่นใจในอะไรผิดๆ มั่นใจว่าสิ่งที่มันทำคือดีแล้ว ความเวอร์วัง การใช้เงินนำไปก่อนเพราะคิดว่าผู้หญิงจะชอบประมาณนี้ครับ
โจโจ้: คาแรกเตอร์ของวินเนอร์มัน Based on มาจากเวลาที่เราอ่านข่าวบันเทิงหรือข่าวซุบซิบ แล้วเราชอบเจอข่าวประมาณว่า การที่ไฮโซมีแฟนเป็นดาราเหมือนเป็นเครื่องประดับบารมีของเขา มันมีข่าวประมาณนี้อยู่จริงๆ นะ ซึ่งเรามองว่ามันคือความป่วยไข้แบบหนึ่ง เราจึงนำไอเดียนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างคาแรกเตอร์ แต่เราไม่ได้ทำให้ดูไม่ดีนะ เรารู้สึกว่าเราเอามาเพื่อแซวให้ตลกขบขันไปตามโทนของเรื่องมากกว่า
เมฆ: สำหรับภาณุ เอาจริงๆ เป็นตัวละครที่เหมือนมีประจำเดือนตลอดเวลาครับ อารมณ์มันจะค่อนข้างขึ้นๆ ลงๆ เป็นคนที่ไม่แคร์โลก แล้วก็เป็นคนที่มองทุกอย่างชิลๆ เช่น ไม่อยากรวย แต่อยากนอน แต่เอาจริงๆ นะผมรู้สึกว่าไม่มีตัวละครตัวไหนปกติเลยสักคนครับ (หัวเราะ)
โจโจ้: ถ้าพูดถึงความป่วยเราคิดว่าไอน้ำคือตัวละครที่ป่วยสุดในแง่ที่ว่า มันวางแพตเทิร์นชีวิตแบบที่ทุกอย่างต้องลงล็อก ต้องเล่นละครพิสูจน์ฝีมือด้วยการเล่นบทแปลกๆ ต้องได้รับรางวัล ซึ่งเราว่าตัวละครตัวนี้มันน่าสนใจตรงที่มันมีพัฒนาการของตัวละครที่ค่อยๆ เรียนรู้ว่าฉันไม่ต้องเพอร์เฟกต์ก็ได้ แล้วตามหาว่าสิ่งที่ตัวละครตัวนี้ต้องการจริงๆ คืออะไร
ส้วม: ผมรู้สึกว่าตัวหมอบลูก็มีความป่วยอยู่เหมือนกันนะครับ คือความป่วยของมันอาจจะไม่ได้ดูประหลาด แต่จริงๆ แล้วความป่วยของหมอบลูคือ ทุกอย่างในชีวิตเขาถ้ามีติ๊กถูกเขาจะติ๊กถูกหมดทุกข้อเลยครับ เรียนก็เก่ง แต่งตัวก็ดี ทุกอย่างมันเป็นไปตามแบบแผนเสียหมดจนป่วย เช่น เวลาที่เห็นเพื่อนอย่างภาณุที่ใช้ชีวิตแบบไม่สมบูรณ์เลย เขาก็จะหงุดหงิดกับความไม่สมบูรณ์แบบของเพื่อนมากกว่า จนกระทั่งหมอบลูได้มาเจอกับหมีพูห์ (รับบทโดย ต้นน้ำ-เปี่ยมชล ดำรงสุนทรชัย) ที่เข้ามาทำให้หมอบลูเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง
โจ้: ตั้งคำถามกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง
ส้วม: ใช่ ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เอ๊ะ หรือว่าชีวิตเราก็ทำนอกกรอบได้ คือทุกอย่างที่เราวางกรอบมาทั้งหมด มันพังทลายหมดเลยหลังจากที่หมีพูห์เข้ามา เพราะก่อนที่จะเจอหมีพูห์ หมอบลูเขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิง ชอบผู้หญิง มีผู้หญิงเข้าหาอยู่ตลอด
ในระหว่างถ่ายทำมีเรื่องราวป่วยๆ เกิดขึ้นในกองถ่ายบ้างไหม
โจโจ้: อันนี้ป่วยจริงๆ คือช่วงที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ๆ อาการเก๊าผมกำเริ่มครับ (หัวเราะ) แล้วเราก็ต้องนั่งรถเข็นในการกำกับ
อร: ของหนูมีอยู่ซีนหนึ่ง เป็นซีนโรแมนติกที่เราต้องใช้สมาธิมากๆ เครียดมาก แต่ปรากฏว่าในระหว่างที่ทุกคนเงียบ อยู่ๆ หนูก็ได้ยินเสียงดังแบบ บุ๋ง! (หัวเราะ)
เมฆ: มันเป็นเสียงกระซิบจากช่องแคบที่มีอะไรสักอย่างตกลงไป ก็คืออึลงส้วมนั่นแหละครับ
โจโจ้: มันทำให้นักแสดงเสียสมาธิ
เมฆ: ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครนะ
อร: ตอนนั้นคือหนูหัวเราะจนไม่สามารถเล่นต่อได้อะ ไม่สามารถคุมสติได้แล้วหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด เป็นครั้งแรกที่หัวเราะจนเจ็บท้องแบบไม่สามารถหายใจได้ ตอนนั้นหนูคิดว่าหนูจะตายแล้ว (หัวเราะ)
สามารถรับชมซีรีส์ ร้านยารักษารัก (Love Pharmacy) แบบสดๆ พร้อมกันทุกวันอังคาร เวลา 19.30 น. และสามารถรับชมย้อนหลังได้ตั้งแต่เวลา 22.30 น. ทาง Bugaboo.TV เท่านั้น
รับชมตัวอย่างซีรีส์ได้ที่นี่