×

11 ปีผ่านไป ‘รักแห่งสยาม’ ฉบับไดเรกเตอร์คัต จะกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งที่ House Samyan

13.11.2019
  • LOADING...
รักแห่งสยาม

“เราคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้…แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักมิวนะ”

 

ประโยคที่นอกจากจะอธิบายความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างโต้งและมิว ขณะเดียวกันมันก็สะท้อนถึงภาวะทางสังคมที่นำพาให้เด็กหนุ่มทั้งคู่ต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางความสัมพันธ์ให้เป็นไปในทิศทางที่ผู้คน และปัจจัยแวดล้อมรอบตัวสบายใจที่ให้เป็น 

 

รักแห่งสยาม คือบทบันทึกอะไรอีกหลากหลายด้านของคนหนุ่มสาว และสังคมในยุคที่สยามสแควร์ยังมีน้ำพุเซ็นเตอร์พอยท์ และเรื่องราวอันลึกซึ้ง อบอุ่น ของตัวละครตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ไปจนถึงรุ่นลูกอย่างโต้งและมิว กำลังจะถูกนำกลับมาฉายซ้ำในโรงภาพยนตร์อีกครั้งที่ House Samyan ช่วงวันที่ 14-20 พฤศจิกายนนี้ 

 

รักแห่งสยาม

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าด้วยการมาถึงและแง่มุมบางอย่างของ ‘ดิว ไปด้วยกันนะ’ ผลงานเรื่องล่าสุดของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับ ‘รักแห่งสยาม’ ที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเวลานี้นั้น ทำให้แฟนๆ อดที่จะหวนนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งได้ชม รักแห่งสยาม ผลงานภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าที่สร้างชื่อให้กับเขาไม่ได้ 

 

ย้อนกลับไปในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 มันคือวันแรกที่ รักแห่งสยาม ออกฉายสู่สายตาชาวไทย 

 

เมื่อเปิดรายชื่อนักแสดงนำจากการโปรโมต หนังเต็มไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ ที่แทบไม่มีใครรู้จักอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ, พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, เบสท์-อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์, ตาล-กัญญา รัตนเพชร์ โดยที่คนดูหนังคงไม่คาดคิดว่ากลุ่มนักแสดงร่วมอย่าง นก-สินจัย เปล่งพานิช, กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้ รักแห่งสยาม กลายเป็นมากกว่าหนังรักวัยรุ่น เพราะเนื้อหากลับซ่อนไว้ด้วยมิติของเรื่องราวในครอบครัว 

 

ซีน ‘ข้าวไข่พะโล้ระหว่างสุนีย์และกรผู้เป็นสามี’ กลายเป็นหนึ่งในซีนโรแมนติกที่เต็มไปด้วยความขื่นขม ระทมทุกข์ แต่ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกรัก และปรารถนาดีที่มีให้ต่อกัน 

 

คลิกชมซีนไข่พะโล้ระหว่างสุนีย์และกรได้ที่: 

 

 

นก-สินจัย เปล่งพานิช เคยแสดงทัศนะถึงตัวละครสุนีย์เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “ลูกสาวคนหนึ่งหายไปจากบ้านตลอดชีวิต ซึ่งตรงนี้มันก็ส่งผลกระทบต่อครอบครัว อย่างตัวที่นกเล่นเป็น ‘สุนีย์’ เขาก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะแตก เขาคิดแค่ว่าทำยังไงจะประคับประคองทุกอย่างไปได้ ทำยังไงถึงจะดูแลผู้ชายคนนี้ได้ ดูแลลูกได้ ครอบครัวมันก็เป็นอย่างนี้ มันก็ต้องดูว่าเราจะประคับประคองไปได้แค่ไหน เราจะผ่านตรงนี้ไปได้อย่างไร ไม่ใช่คิดแต่ว่ามีปัญหา เลิกกันดีกว่า เลิกกันแล้วฉันจะได้ไม่ต้องอยู่กับปัญหานี้” 

 

ขณะที่ซีนจูบตรงม้าหินระหว่างตัวละคร ‘โต้ง’ และ ‘มิว’ ก็เป็นอะไรที่มากไปกว่าซีนโรแมนติก แต่จูบเล็กๆ เพียงไม่กี่วินาทีนั้นยังถือเป็นการฉายภาพให้เห็นถึงบริบททางสังคมที่มีต่อเรื่องราว ‘ความรักระหว่างเพศสภาพ’ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกร่วมของคนดูในช่วงเวลานั้นได้อย่างทรงพลัง 

 

หนังเต็มไปด้วยเพลงประกอบแสนไพเราะ การค้นหาทิศทางและเติบโตขึ้นของชีวิตวัยรุ่น รวมไปถึงประเด็นวัยรุ่นชายรักชายที่ทำให้ รักแห่งสยาม กลายเป็นหนังวัยรุ่นที่แตกต่างจนสร้างเสียงฮือฮา ถือเป็นกระแสหนังดีแห่งปีที่ถูกพูดถึงแบบปากต่อปาก ก่อนจะข้ามความโด่งดังไปในระดับเอเชียทั้งในไต้หวัน ญี่ปุ่น โดยเฉพาะบนแผ่นดินจีน 

 

“ตอนแรกที่รับเล่น เราไม่ได้คาดหวังว่าผลงานมันจะออกมาเป็นอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ ถามว่ากังวลไหม มันก็มีนะ เพราะด้วยเรื่องบท อะไรต่างๆ มันก็ค่อนข้างเป็นประเด็นสุ่มเสี่ยงของคนเมื่อยุคสิบปีที่แล้ว อะไรกัน อยู่ๆ เด็กผู้ชายสองคนมาจูบกัน หรือมารักกันบนจอหนัง เราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เราก็เลยไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร อีกอย่างคิดว่าหนังจบก็คงจบไปมั้ง หนังมันคงไม่ดัง หรือหนังคงไม่ได้ส่งแรงกระเพื่อมต่อเราหรือคนดูหนังมากมายขนาดนี้” พีช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล นักแสดงผู้รับบท ‘มิว’  เคยเล่าถึงงานแสดงครั้งสำคัญในชีวิตของตัวเองเอาไว้หลังจากหนังผ่านการฉายมาครบสิบปี 

 

รักแห่งสยาม ทำรายได้รวมเมื่อหมดโปรแกรมฉายไปทั้งสิ้น 42 ล้านบาท และสามารถคว้ารางวัลใหญ่จากการประกาศผล ภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 17 ได้ถึง 3 รางวัล คือ รางวัลผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์), รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) และรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

 

รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม

 

ที่สำคัญมันคือหนังที่ทั้งแจ้งเกิด และเปลี่ยนชีวิตนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่อย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ ในบทโต้ง และ พีช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ในบทมิว ไปนับตั้งแต่นั้น  

 

รักแห่งสยาม เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้จักการแสดงอะไรเลย ในหัวคิดแต่จะไปเอาสตางค์อย่างเดียวครับ อยากจะหาเงินไปซื้อสเกตบอร์ด” มาริโอ้ เมาเร่อ หัวเราะเล่าถึงการแสดงครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความเดียงสาของตัวเองในเวลานั้นไว้อย่างตรงไปตรงมา 

 

“ตอนนั้นรู้สึกเฉยๆ กับมัน แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ชอบนะ เพียงแต่เรายังไม่รู้จักว่าการแสดงมันคืออะไร ก็ทำไปเท่าที่ตัวเองจะทำได้ โชคดีว่าได้ผู้กำกับที่ดีอย่างพี่มะเดี่ยว และได้นักแสดงรุ่นใหญ่หลายคนมากที่คอยช่วยจนผ่านมาได้ด้วยดี เพราะหลังจากจบหนังเรื่องนี้ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลย ถ้าไม่มี รักแห่งสยาม ก็คงไม่มีคนชื่อมาริโอ้ในวงการบันเทิง และผมคงมาไม่ได้ไกลเหมือนอย่างทุกวันนี้” 

 

นอกจากนี้ผลจากความสำเร็จของ รักแห่งสยาม ส่งให้วงเฉพาะกิจในนาม ‘ออกัส’ ซึ่งมีบทบาทร่วมอยู่ในหนัง กลายเป็นวงดนตรีขึ้นมาจริงๆ โดยมีสมาชิกทั้งหมด 11 คน หนึ่งในนั้นคือ พิช ที่ต่อมากลายเป็นนักร้องและนักแสดงที่มีแฟนคลับจีนเหนียวแน่นอย่างที่สุด

 

สำหรับแฟนภาพยนตร์ที่อยากย้อนความประทับใจอีกครั้ง สามารถเช็กโปรแกรมฉายได้ที่: www.housesamyan.com/site

 

รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม รักแห่งสยาม

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X