หลายคนคงพอทราบแล้วถึงการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ยากไร้ให้มีอาหารทานอิ่มท้องในทุกวันผ่านการผลักดันอย่างหนักในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
แต่รู้ไหมว่าเขาไม่ใช่ตำนาน ‘ปีศาจแดง’ คนเดียวที่กลายเป็นนักบุญของผู้คน
ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งชานเมืองสโต๊ก มีตำนานแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกคนที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้คนเท่าที่ตัวเองจะทำได้
ตำนานคนนั้นคือ ลู มาคาริ…
เอ่ยชื่อ ลู มาคาริ ขึ้นมาหลายๆ ท่านอาจจะทำหน้าฉงน ใครกันนะ?
แต่สำหรับสาวก Red Army แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะคนที่ติดตามมายาวนานเกินกว่า 40-50 ปี หรือเป็นสายลึกที่สนใจในประวัติศาสตร์ของยอดทีมแห่งอังกฤษย่อมรู้จักหรืออย่างน้อยต้องเคยได้ยินชื่อของยอดนักเตะในยุค 70 กันบ้างแน่นอน
ลู หรือ ลุยจิ มาคาริ เป็นยอดนักเตะในดวงใจของแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคนั้น ด้วยลีลาการเล่นที่คล่องแคล่ว จี๊ดจ๊าด หาตัวจับได้ยาก ซึ่งมาจากที่เขามีส่วนสูงเพียงแค่ 5 ฟุต 5 นิ้ว หรือ 168 เซนติเมตรเท่านั้น จนมีเพลงฮิตประจำตัวที่แฟนๆ เรดอาร์มีร้องกันได้ทุกคนว่า ‘Lou, Lou skip to my Lou Skip to my Lou Macari’
มาคาริรับใช้สโมสรอย่างยาวนานถึง 11 ปี ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มตกต่ำหลังจากที่ แมตต์ บัสบี พาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพในปี 1968 และนักเตะระดับตำนานอย่าง เดนิส ลอว์, บ็อบบี ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบสต์ ค่อยๆ อำลาทีมไป จนทำให้ทีมดำดิ่งถึงขั้นตกลงไปอยู่ดิวิชัน 2
แต่นักเตะชาวสกอตแลนด์ผู้มีนามสกุลแบบชาวอิตาลี (ซึ่งมาจากญาติห่างๆ กันแต่นมนานกาเล) ก็มีส่วนช่วยในการพาทีมกลับมาได้ และสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1977 ด้วยการล้มทีมเบอร์หนึ่งในยุคนั้นอย่าง ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ไม่ให้สามารถคว้า 3 แชมป์ใหญ่ในฤดูกาลเดียวได้สำเร็จ (ซึ่งต่อมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้เองในปี 1999)
เรียกได้ว่าในยุคนั้นมาคาริคือหนึ่งในนักเตะขวัญใจของทีม ไม่ต่างอะไรจาก บรูโน แฟร์นันด์ส หรือแรชฟอร์ดในยุคปัจจุบันเลย
ลู มาคาริ ขวัญใจของชาวปีศาจแดงในยุค 70
แล้วเขาไปทำอะไรอยู่ที่สโต๊ก?
มาคาริในวัย 71 ปีอาศัยอยู่ที่สโต๊ก เพราะว่าในช่วงหลังจากที่เลิกเล่นฟุตบอลแล้วครั้งหนึ่งเขาเคยได้เป็นผู้จัดการทีมสโต๊ก ซิตี้ ซึ่งความจริงแล้วเขาก็ควรจะได้ใช้ชีวิตเช่นชายวัยเกษียณทั่วไปที่ใช้จ่ายวันเวลาที่เหลืออย่างสงบ
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อราว 4 ปีก่อนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ข่าวในหนังสือพิมพ์รายงานถึงปัญหาผู้คนไร้บ้านที่เลวร้ายลงอย่างมากในแถบที่เขาอยู่ มีคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสองเท่าจากยุค 90 ที่เขาเคยเป็นผู้จัดการทีม ‘The Potters’ อยู่ ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นเองก็มัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งไม่ได้ใส่ใจที่จะดูแลแก้ไขปัญหานี้
ด้วยความสงสัย มาคาริตัดสินใจที่จะไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
“ผมกระโดดขึ้นรถและขับไปที่ย่าน Hanley วันนั้นเป็นวันที่พายุกระหน่ำ ฝนถล่มลงมาเหมือนฟ้าฉี่รดหัว แล้วผมก็เห็นคน 3 คนที่พยายามหลบจากพายุฝนอยู่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งด้วยกล่องกระดาษใบเดียว” มาคาริเล่าย้อนความหลัง
“มองไปฝั่งตรงข้ามของถนนซึ่งมีประตูอีกบานก็มีอีก 3 คน และวันนั้นผมก็ได้เห็นคนไร้บ้านถึง 11 คนที่อยู่บนถนนเส้นเดียว มันทำให้ผมคิดว่านี่มันแย่ฉิบหาย ผมมั่นใจว่าอย่างน้อยผมหาที่พักพิงมีหลังคาให้เขาได้หลบฝนแน่”
มาคาริใช้ชื่อเสียงแต่เดิมมาของเขาจากการลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมากถึง 401 นัด และทีมชาติสกอตแลนด์อีก 24 นัดเพื่อร้องขอสภาเมืองให้อนุมัติให้ใช้อาคารที่ไม่มีใครใช้งานสักแห่งเพื่อให้คนเหล่านี้ได้พักพิง
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่ได้คิดเลยคือจากที่ต้องการจะช่วยเหลือเพียงระยะเวลาสั้นๆ ให้คนไร้บ้านเหล่านั้นได้อยู่รอดในช่วงเวลานั้น มันกลับกลายเป็นภารกิจของชีวิต กลายเป็นงานประจำอีกครั้งสำหรับชายสูงวัยที่ไม่น่าจะต้องทำงานแล้ว
จากจุดเริ่มต้น เขากลายเป็นคนที่หาสถานที่ที่จะใช้สำหรับทำที่พักพิงชั่วคราวให้คนไร้บ้านจำนวนหนึ่ง ซึ่งสถานที่ปัจจุบันนั้นเป็นโกดังร้างที่มีพื้นที่ที่สามารถแบ่งได้เป็นสัดส่วน ซึ่งอบอุ่น ปลอดภัย ทุกคนมีพื้นที่ส่วนของตัวเองเป็นเหมือนกระท่อมหลังเล็กๆ มีกุญแจและมีหมายเลขประจำ หรือพูดง่ายๆ คือคนไร้บ้านในศูนย์พักพิง Macari Centre นั้นมี ‘ที่อยู่’ เป็นของตัวเอง
บรรยากาศในศูนย์พักพิง The Macari Centre
มาคาริยังเป็นคนจัดหาอาหารซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากร้านค้าท้องถิ่นและซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง ทำที่อาบน้ำอาบท่าให้ ช่วยวางระบบดูแลรักษาความปลอดภัย
ความพิเศษสุดคือใน ‘บ้าน’ แต่ละหลังของคนไร้บ้านนั้นมีโทรทัศน์ให้ดูด้วย! ซึ่งได้รับบริจาคจากสมาคมผู้จัดการทีมลีก (League Manager Association)
แต่ในสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่าการที่มาคาริได้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาแก่คนที่เคยไม่เหลือความหวังอะไรแล้วในชีวิต
“มันทำให้พวกเขาได้มีโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่พวกเขาเคยผ่านมา และสำหรับผมไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น”
คนไร้บ้านที่มาขอพักพิงนั้นมีที่มาที่ไปหลากหลาย คนจำนวนมากไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ในชีวิต บางคนถูกชีวิตเล่นตลก โชคชะตาทอดทิ้ง บางคนต้องคดี ขณะที่หลายคนหลงทางถูกสิ่งที่มืดมิดที่เรียกว่ายาเสพติดชักนำไปสู่ความมืดมนอนธการ
ยาเสพติดเป็นสิ่งเดียวที่มาคาริไม่รู้จะหาทางต่อสู้อย่างไร หลายคนที่มาพักพิงในศูนย์ของเขาก็ยังตัดมันไม่พ้น มีวันที่พวกเขายังถวิลหามันอยู่ ซึ่งสิ่งที่ตำนานแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดทำได้คือการกำหนดกติเอาไว้ให้ชัดเจน
อยากยา? ไม่มีปัญหาแล้วแต่ เพราะประตูบ้านจะปิดในเวลา 4 ทุ่มตรง ถ้าไม่กลับมาก่อนนั้น คืนนั้นก็ต้องนอนข้างนอก ซึ่งถ้าอยู่ข้างนอกแล้วจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ดูแลตัวเองให้ได้แล้วกัน
“บางครั้งพวกเขาก็ยังทำ พวกเขายอมใช้ชีวิตกลางฝนหรือกลางหิมะได้ดีกว่าต้องอยากยาอยู่ในบ้าน เพื่อให้ได้เสพแล้วพวกเขายินดีที่จะไปเผชิญความลำบากข้างนอก และนับเวลารอจนเช้าเพื่อที่จะกลับเข้ามาอีกครั้ง”
นั่นเป็นสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ มาคาริจึงทำเท่าที่เขาจะทำได้ และที่เขาทำได้นั้นก็นับว่ามากแล้ว
ปัจจุบัน The Macari Centre ดูแลคนไร้บ้านมากถึง 43 คนด้วยกัน และคนที่ต้องการความช่วยเหลือก็มีมากขึ้นไปอีกเพราะโควิด-19 ทำให้คนจำนวนมากจนตรอกของชีวิต ซึ่งนั่นก็เต็มความสามารถของเขาแล้ว
ที่เขาทำมากถึงขนาดนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่โจนาธาน หนึ่งในลูกชายของเขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเมื่อปี 1999 หลังถูกน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ปล่อยตัวออกจากสโมสร
และเขาก็ไม่ได้หวังอะไรเป็นสิ่งตอบแทนด้วย
เขาทำเพียงเพราะเขาอ่านข่าวและรู้สึกว่า “เขาเคยทำอะไรแบบนี้ในชีวิตบ้างไหมนะ?” ซึ่งคำตอบเราก็ได้เห็นจากเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ที่เหลือคือการพยายามช่วยเหลือผู้คนต่อไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เหมือนที่เขาเคยได้รับคำสั่งก่อนลงสนามในสมัยเป็นผู้เล่น
“ไม่ต้องมีแท็กติกอะไร แค่เอาหัวใจลงไปเล่นก็พอ”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.manutd.com/en/news/detail/lou-macari-continues-his-fight-against-homelessness#
- https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/so-how-did-lou-macari-find-a-home-for-43-people-wxrj53cgc
- http://www.stretford-end.com/legends/lou-macari/
- https://www.stokesentinel.co.uk/news/stoke-on-trent-news/homeless-people-say-new-shelter-4436596?fbclid=IwAR2Yy44aYu0syrhkQfevwOd9doEIjyrY4AKSowontcDTBmqUz18k9EZuJec
- ปัจจุบัน ลู มาคาริ ยังรับบทเป็นทูตของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่
- นอกจากตัวเขาเองแล้ว มาคาริยังโชคดีที่ลูกชายและหลานชายมาช่วยงานที่ศูนย์แห่งนี้ด้วย
- ก่อนจะย้ายจากกลาสโกว์ เซลติกมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาคาริเคยเกือบถูกลิเวอร์พูลคว้าตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้าย ทอมมี โดเฮอร์ตี ผู้จัดการทีมปีศาจแดงในยุคนั้นรีบตัดหน้าคว้าตัวมาสำเร็จ
- สมัยเป็นผู้จัดการทีมสโต๊ก มาคาริเคยให้สโมสรจ้างนักแสดงตลกมาเป็นสตาฟฟ์เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนานในทีม ซึ่งได้จ้าง นีล บอลด์ หรือ Nello มาเป็นคนดูแลชุดแข่ง และครั้งหนึ่งมาคาริแอบอำเนลโลว่าถ้าคนชื่อ จอร์จ แอนดรูว์ส เข้ามา อย่ายอมให้เขาเข้ามาที่สนาม สุดท้ายกลายเป็นเรื่องเพราะเนลโลจับแอนดรูว์สซึ่งเป็นผู้บรรยายเกมทางวิทยุของเมืองสโต๊กไปขังไว้ในห้องน้ำ! กลายเป็นเรื่องจี้ระดับตำนานไป