กลุ่มเยาวชนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากฯ ร่วมกับ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนันจำนวน 30 คน เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือผ่านตัวแทนถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการขั้นเด็ดขาดแก้ปัญหาสลากแพง
ราเมศร ศรีทับทิม เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากฯ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้ลงพื้นที่สำรวจราคาสลากฯ ระหว่างวันที่ 4-12 พ.ย. ที่ผ่านมา ใน 28 พื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำการสำรวจกลุ่มผู้ค้าสลากฯ ทั้งหาบเร่และแผงประจำจำนวน 328 ราย พบว่ามีการขายเกินราคา 80 บาทถึง 295 ราย คิดเป็นกว่า 89.9% โดยราคาสูงสุดของสลากใบเดี่ยวที่พบคือ 130 บาทต่อใบ ขณะที่สลากฯ รวมชุดที่พบสูงสุดมีการรวมชุดกว่า 15 ใบ ขายราคา 2,500 บาท เฉลี่ยใบละ 167 บาท จากการสำรวจยังพบว่าทุกแผงมีการติดป้ายว่าขายที่ราคา 80 บาท แต่การขายจริงมีการขายเกินราคาตามเลขที่ได้รับความนิยม
จากการพูดคุยกับผู้ค้ารายย่อยที่ขายเกินราคาพบว่า ปัญหาคือผู้ค้ารายย่อยไม่ได้รับโควตาซื้อตรงจากกองสลากฯ หรือบางรายอ้างว่าไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจองสลากฯ ผ่านระบบธนาคาร จึงต้องรับสลากฯ จากพ่อค้าคนกลาง
ทางเครือข่ายฯ เห็นว่าที่ผ่านมาผู้ค้ารายย่อยเป็นเพียงแพะรับบาปของระบบที่ฉ้อฉล มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลหาประโยชน์จากโควตาสลากฯ ทำตัวเป็นเสือนอนกินโยนความผิดให้ผู้ค้ารายย่อย
กลุ่มเครือข่ายฯ จึงยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพิ่มมาตรการขั้นสูงสุดปิดทางระบบพ่อค้าคนกลาง พร้อมเพิ่มบทลงโทษกับกลุ่มพ่อค้าคนกลางและคนที่เกี่ยวข้องในการทำให้สลากฯ แพง รวมทั้งเสนอห้ามรวมชุดสลากฯ ขาย เพื่อแก้ปัญหาขายสลากฯ รวมชุดเกินราคา โดยให้บัญญัติอย่างชัดเจนลงใน พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง
อ่านเพิ่มเติม