ครั้งหนึ่ง โจซิป อิลิซิช เคยเป็นนักเตะมากพรสวรรค์ที่เปล่งประกายดั่งดวงดาวพร่างพราวฟ้า แต่โชคชะตาโหดร้ายส่งเขาลงสู่หลุมดำอันมืดมนอนธการ
ป่วยหนัก เพื่อนตาย มีภาวะซึมเศร้าที่หายแล้วก็ยังกลับมาเป็นอีก
ท่ามกลางความเสียดายของคนมากมาย ที่คิดว่าเราคงไม่มีวันได้เห็นยอดนักเตะผู้เป็นที่รักของคนมากมายกลับมาเฉิดฉายในสนามฟุตบอลอีกแล้ว อิลิซิชกลับสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน ด้วยการกลับมาติดทีมชาติสโลวีเนียอีกครั้งในศึกฟุตบอลยูโร 2024
การกลับมาของดวงดาวที่หลงทางแต่ไม่เคยยอมแพ้
เรื่องราวชีวิตของ โจซิป อิลิซิช เป็นเหมือนเรื่องเล่าดีๆ สักเรื่อง
จุดเริ่มต้นนั้นแสนสวยงาม เมื่อแมวมองของทีมปาแลร์โมถูกส่งไปเช็กฟอร์มการเล่นของมาริบอร์ สโมสรคู่แข่งในรายการยูโรปาลีก รอบคัดเลือกเพลย์ออฟ แต่รายงานที่ถูกส่งกลับมายังสโมสรเต็มไปด้วยเรื่องราวของเจ้าหนุ่มดาวรุ่งชาวสโลวีเนียวัย 22 ปีคนหนึ่ง
เจ้าหนุ่มอิลิซิชคนนี้พิสูจน์สิ่งที่ถูกเขียนในรายงานด้วยการทำประตูให้มาริบอร์ได้ในการพบกันครั้งนั้น และทำให้ปาแลร์โมตัดสินใจยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวมาร่วมทีมด้วยทันที ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเด็กคนนี้เพิ่งจะย้ายจากอินเตอร์บล็อกที่ตกชั้นในลีกของสโลวีเนียมาอยู่กับมาริบอร์ได้ไม่กี่เดือน
ที่อิตาลี แม้จะมีความยากลำบากและถูกตั้งคำถามถึงความสามารถว่า ฤาจะเป็นอีกหนึ่งนักเตะพรสวรรค์ที่สูญเปล่าในเซเรียอา
แต่อิลิซิชก็เปล่งประกายให้ทุกคนได้เห็น ขอเพียงอยู่ในทีมที่มี จาน ปิเอโร กัสเปรินี ยอดโค้ชคู่บุญคุมทีมเท่านั้น ไม่ว่าจะกับปาแลร์โมในช่วงแรก และอีกครั้งที่ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมงานกันในทีมอตาลันตา ซึ่งกลายเป็นช่วงเวลาที่สว่างไสวที่สุดในชีวิตของนักเตะผู้นี้
เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอิตาลีในช่วงที่เล่นอยู่กับสโมสรในเมืองแบร์กาโม เขาคือกุญแจสำคัญที่เปิดทางให้อตาลันตาคว้าอันดับ 3 ของเซเรียอา และได้โควตาไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2019
แฟนๆ ได้ตื่นตาตื่นใจกับการเล่นที่น่าเหลือเชื่อและเหนือชั้นของไม่ว่าจะเป็นการตอกส้นทำประตู การยิงไกลจากครึ่งสนาม หรือในวันที่อยู่ในอารมณ์จะเล่น อิลิซิชทำแฮตทริกได้ถึง 5 ครั้งในช่วงระยะเวลา 3 ฤดูกาลกับอตาลันตา และเคยยิงได้คนเดียว 4 ลูกในเกมกับบาเลนเซีย
ในวงเล็บว่า เขาไม่ได้เป็นกองหน้าด้วยซ้ำไป
อิลิซิชระเบิดฟอร์มร้อนแรงให้กับอตาลันตาในช่วงปี 2019
แต่ในอีกด้านแล้ว ชีวิตของอิลิซิชค่อยๆ พลิกผัน จากดาวพราวแสงกลายเป็นดาวอับแสงอย่างน่าเศร้า
จุดเริ่มต้นมาจากการป่วยติดเชื้อของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งแม้การใช้ยาปฏิชีวนะจะช่วยรักษาได้ แต่ผลข้างเคียงของยาส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาตามไปด้วย
ก่อนที่ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อ ดาวิเด อัสตอรี เพื่อนร่วมทีมสมัยอยู่ด้วยกันในฟิออเรนตินาในปี 2018 เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เรื่องนี้มีผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างมาก
อิลิซิชกลัวว่าถ้าเขาหลับไปเขาอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย
“ผมกลัวการนอนหลับ” เขาให้สัมภาษณ์กับ Sky Italia ในช่วงเวลานั้น “ผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้ตื่นมาเห็นหน้าครอบครัวอีกเลยในตอนเช้า”
เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อใจของอิลิซิชอย่างรุนแรง เขาเปรียบว่าเหมือนเขาเริ่มต้นจากการติดลบ และต้องพยายามกลับมาหัดเคลื่อนไหวและหันวิ่งอีกครั้งเหมือนเด็กๆ แต่ก็สู้จนสามารถกลับมาเปล่งประกายได้อีกครั้งกับอตาลันตา
กัสเปรินีถึงกับบอกว่า อิลิซิชสมควรได้รางวัลบัลลงดอร์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่เพื่อนๆ ในทีมอตาลันตาเรียกเขาว่า ‘ปรมาจารย์แห่งครานจ์’ (เมืองเกิดในสโลวีเนีย)
โควิดส่งผลร้ายแรงต่อจิตใจของอิลิซิชจนมีภาวะซึมเศร้า
เพียงแต่ฝันร้ายของอิลิซิชยังไม่จบ ในฤดูร้อน 2020 แบร์กาโมกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด
เสียงไซเรนของรถฉุกเฉินที่ดังตลอดเวลาย้ำเตือนเขาถึงสงครามในอดีตดินแดนของยูโกสลาเวียที่เขาเคยอยู่ตอนเด็กๆ เพราะความจริงแล้วเขาเกิดที่บอสเนีย ในครอบครัวของคนโครเอเชีย พ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้แค่ขวบเดียว ก่อนที่แม่จะพาเขาหนีมาพร้อมกับพี่ชายมาอยู่ที่เมืองครานจ์
วังวนความคิดทำให้อาการโรคต่อมน้ำเหลืองกำเริบอีกครั้ง และมีอาการของโรคซึมเศร้า ที่ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวเองในช่วงสุดท้ายของฤดูกาล 2019/20
ในช่วงก่อนมินิทัวร์นาเมนต์รอบ 8 ทีมสุดท้ายขึ้นไปของแชมเปียนส์ลีก (มีการปรับรูปแบบเพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด) กัสเปรินีได้หาโอกาสไปเยี่ยมลูกทีมที่รักในโรงพยาบาล และร้องไห้ทันทีที่ได้เห็นสภาพของอิลิซิช
“น้ำหนักเขาลดลงไป 10-12 กิโลกรัม ผมต้องพยุงเขาขึ้นมาเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเขา
“มาเถอะโจซิป มากับพวกเรา…” กัสเปรินีวิงวอน
น่าเสียดายที่เมื่อเขาเริ่มกลับมาได้ในเดือนมกราคม 2022 ภาวะซึมเศร้าก็กลับมาอีกครั้ง อิลิซิชพลาดการเล่นในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ยกเว้นแค่เกมนัดสุดท้ายที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในเดือนพฤษภาคม ก่อนที่สัญญาของเขากับอตาลันตาจะยุติลงในเดือนสิงหาคม
เป็นการจากลาที่แสนเศร้าระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ไม่มีทางเลือกอื่น
อิลิซิชเซ็นสัญญากลับมาร่วมทีมมาริบอร์อีกครั้งในเดือนตุลาคมและได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ และคล้ายว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นได้ดีเมื่อเขายิงประตูได้ทันทีในเกมแรกที่กลับมาภายในระยะเวลาแค่ 12 นาทีจากลูกจุดโทษ
แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีช่วงที่ ดาเมียร์ เคิร์ซนาร์ โค้ชของมาริบอร์ ตัดเขาออกจากทีมและให้ไปซ้อมเพียงคนเดียว
“เขาไม่ได้อยู่ในสภาพร่างกายที่พร้อมจะช่วยทีมในเวลานี้”
ตอนนั้นดูเหมือนว่าอิลิซิชคงจะหมดเวลาและหนทางในเกมลูกหนังแล้ว
แต่โชคชะตาไม่ได้ใจร้ายกับเขาไปเสียทุกอย่าง ในเดือนตุลาคมปีกลาย เคิร์ซนาร์ถูกปลดจากตำแหน่งโค้ชของมาริบอร์ โดยมี อันเต ซิมุนด์ซา ที่เคยร่วมงานสั้นๆ กับอิลิซิชในช่วงแรกในฐานะสตาฟฟ์โค้ช มารับตำแหน่ง
สิ่งแรกที่ซิมุนด์ซาทำคือ การเรียกตัวอิลิซิชกลับมาอีกครั้ง ดวงดาวที่เคยอับแสงจึงเริ่มกลับมาเปล่งประกาย
อีกสิ่งหนึ่งที่อาจมีส่วนช่วยมากคือ การเดินทางของแฟนอตาลันตาจากแบร์กาโมเพื่อไปเยือนสตวร์ม กราซ ในออสเตรีย พวกเขาขอแวะระหว่างทางที่มาริบอร์เพื่อมาหาฮีโร่ของทุกคนอีกครั้ง
การปรากฏตัวของแฟนๆ ที่ไม่ได้บอกกับอิลิซิชมาก่อนกลายเป็นเซอร์ไพรส์ที่งดงามที่สุด
เสียงเพลงเชียร์จากแฟนๆ และอ้อมกอดอันอบอุ่น เป็นการย้ำเตือนให้อิลิซิชรู้ว่าเขาไม่เคยหายไปจากใจของใครเลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม เขาคือที่รักของชาวแบร์กาโมเสมอ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอิลิซิชเหมือนเกิดใหม่ เขาค่อยๆ กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งกับสโมสร ยึดตำแหน่งตัวจริง ยิงประตู เปิดให้เพื่อนทำประตู และที่สำคัญที่สุดคือร่ายมนตร์คาถาในสนามด้วยการเล่นที่เหนือชั้น
Atalanta fans travelling to the Sturm Graz match have stopped in Maribor to visit Josip Ilicic 👏🐐🥰💙🖤
📸 NK Maribor pic.twitter.com/aWKudPAkL9— Atalanta BC News (@AtalantaBC_News) October 26, 2023
แฟนๆ อตาลันตาแวะมาเซอร์ไพรซ์ตามหาอิลิซิชที่มาริบอร์
ความจริงหากเรื่องราวของเขาจะจบลงเท่านี้ก็นับว่าดีต่อใจมากแล้ว
แต่นิทานดวงดาวของเขายังเหลือตอนพิเศษ เพราะทันทีที่อิลิซิชเริ่มกลับมาทำได้ดี ก็มีคำถามตามมาว่า เขาควรจะกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งไหม
เพราะในสโลวีเนียแล้ว พวกเขาบูชานักฟุตบอลสองคนในเวลานี้ คนแรกคือ เบนจามิน เซสโก หัวหอกพระกาฬที่เป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของประเทศตอนนี้
อีกคนก็คือ อิลลิซิว หรือ ‘โจโจ้’ ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลในหัวใจ
เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้แก่ มัตยาซ เค็ก โค้ชทีมชาติสโลวีเนีย มากพอสมควร ว่าเขาควรจะให้โอกาสอิลิซิชกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งหรือไม่ เหมือนที่เคยให้โอกาสประเดิมในทีมชาติเมื่อปี 2010 เพราะเขาห่างหายจากการรับใช้ชาติยาวนานตั้งแต่ปี 2021
สุดท้ายเค็กตัดสินใจให้โอกาสอีกครั้งในการเรียกตัวติดทีม 30 คน เพื่อคัดหา 26 ผู้เล่นไปยูโร 2024
อิลิซิชสร้างความปวดใจให้กับเค็กเพิ่ม เพราะหลังจากได้ลงสนามในนาทีที่ 59 เขาใช้เวลาแค่ 3 นาทีในการแหวกแนวรับทีมอาร์เมเนีย ลากตัดจากขวาเข้าในแล้วซัลโวตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
สุดท้ายเขาได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติลุยยูโรด้วย ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะการคัดค้านจาก ซลัตโก ซาโฮวิช อดีตนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลของสโลวีเนีย ที่มองว่าการเรียกตัวอิลิซิชกลับมาในเวลาแบบนี้อาจเป็นการบ่อนทำลายทีมสปิริตของสโลวีเนียได้
แต่เค็กก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้เรียกตัวอิลิซิชเพียงเพราะเรื่องของความรู้สึก แต่เป็นความเชื่อว่า ดาวเตะวัย 36 ปีคนนี้จะช่วยทีมได้ในทางใดทางหนึ่ง
อิลิซิชเองก็ไม่ได้คิดจะวุ่นวายอะไร เขาเข้าใจดีว่าการติดทีมจริงๆ มันควรเป็นเรื่องของนักเตะที่ฝ่าฟันด้วยกันมาตลอดในรอบคัดเลือก ซึ่งเขาไม่ได้ลงสนามเลย แต่เมื่อถูกเรียกตัวกลับมาแล้ว เขาจึงขอหมายเลข 26 อันเป็นลำดับสุดท้าย และขอเก็บตัวเงียบๆ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ซาโฮวิชกังวลไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ภายในทีมชาติสโลวีเนียบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทุกคนรู้สึกดีกับการที่มีโคตรบอลอย่างอิลิซิชอยู่ด้วย เพราะทุกคนในทีมต่างก็เทิดทูนเขามาก่อน ลำพังแค่การซ้อมรอนโด (ลิงชิงบอล) โดยในวงมีฮีโร่ของชาติอยู่ด้วย ก็ช่วยทำให้ทุกคนมีความสุขแล้วกับการดูการเล่นที่เหนือชั้น
แต่ก็ไม่มีภาพใดที่จะทำให้หัวใจอ่อนยวบได้เหมือนการได้ลงสนามของอิลิซิชในเกมนัดสุดท้ายของรอบแรกกับทีมชาติอังกฤษ
อิลิซิชได้ลงสนามในยูโร 2024 โดยลงมาแทน เบนจามิน เซสโก ในนัดที่เสมออังกฤษ 0-0
หลังจากที่ชีวิตเล่นงานเขาอย่างหนักหน่วงจนแทบจะลุกขึ้นยืนและหาทางกลับมาไม่ได้
ในที่สุดดวงดาวผู้หลงทางก็กลับมา
ประกายแสงของอิลิซิชอาจไม่ได้เจิดจ้าเหมือนเก่า แต่อย่างน้อยมันก็สว่างและอบอุ่นพอที่จะนำทางให้แก่ใครอีกหลายคนที่เคยหลงทางหรือกำลังหลงทางอยู่
ไม่ว่าจะตกอยู่ในหลุมดำที่มืดมนแค่ไหน
ยังมีหนทางที่จะกลับมาได้เสมอ
อ้างอิง: