การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย ที่พบผู้ติดเชื้อแล้วในเกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วประเทศแสดงความกังวลต่อสถานการณ์โควิดที่อาจเลวร้ายลง ซึ่งบางพื้นที่เริ่มมีการปรับข้อแนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยในที่ร่ม ซึ่งหลายรัฐยกเลิกมาตรการดังกล่าวไปนับตั้งแต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศฟื้นข้อแนะนำ ให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในที่ร่มอีกครั้ง เพื่อรับมือการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ซึ่งถือเป็นมาตรการป้องกันขั้นต้น โดยไม่คำนึงถึงสถานะการฉีดวัคซีนในพื้นที่
ดร.บาร์บารา เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการกรมอนามัยของเทศมณฑลลอสแอนเจลิส ให้เหตุผลว่าการประกาศข้อแนะนำฟื้นการสวมหน้ากากอนามัยนี้มีความจำเป็น เนื่องจากมีจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา
ปัจจุบันมีประชาชนในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง และอีกกว่า 60% ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ซึ่งประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมีทั้งกลุ่มเด็กและประชากรเชื้อสายละตินหรือชาวผิวสี รวมถึงกลุ่มแรงงานที่จำเป็น ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อที่พบในพื้นที่ยังต่ำกว่า 1% แต่มีแนวโน้มที่กำลังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
ซึ่งที่ผ่านมาทางการท้องถิ่นสามารถรับมือการแพร่ระบาดได้ดี เนื่องจากมาตรการป้องกันหลายขั้นตอนและการเร่งฉีดวัคซีน โดย ดร.เฟอร์เรอร์ระบุว่า ทางการไม่ต้องการกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือบังคับสวมหน้ากากอนามัยอย่างเข้มงวดอีกครั้ง
“เราไม่ต้องการกลับไปล็อกดาวน์หรือใช้คำสั่งที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้นที่นี่ เราต้องการอยู่ในเส้นทางที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ซึ่งทำให้การแพร่ระบาดในชุมชนนั้นต่ำมาก” ดร.เฟอร์เรอร์กล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องสวมหน้ากากอนามัย แม้แต่ระหว่างอยู่ในที่ร่ม
ขณะที่อัตราฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ตอนนี้ มีประชากรอีกกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มเด็กเล็กที่อายุยังน้อยเกินกว่าจะได้รับการฉีดวัคซีน
สำหรับวัคซีนหลักที่ใช้ในสหรัฐฯ คือ Pfizer/BioNTech นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาแบบแสดงอาการได้ถึง 88% หากฉีดครบ 2 โดสมาแล้วเกิน 2 สัปดาห์ ขณะที่การฉีดวัคซีน Pfizer/BioNTech เพียงโดสเดียว จะมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้น้อยกว่า
ส่วนวัคซีนอีกตัวคือ Moderna นั้น ทางบริษัทเปิดเผยผลทดลองในห้องปฏิบัติการล่าสุด พบว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ดีเช่นกัน
ภาพ: Jay L. Clendenin / Los Angeles Times via Getty Images)
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
