×

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก L’Oréal [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
20.11.2025
  • LOADING...
เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial]

หนทางและความหวังในการพัฒนางานวิจัยเพื่อปกป้องเกษตรกรไทยและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ของ ดร. สพ.ญ.ฌัลลิกา แก้วบริสุทธิ์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. และงานวิจัยที่เป็นความหวังใหม่สู้โรคเรื้อรัง ของ ดร.มัตถกา คงขาว ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กำลังสร้างผลกระทบเชิงสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น “ต้นแบบวัคซีนโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร” และ “การพัฒนาอนุภาคนาโนไขมันดัดแปลงพื้นผิวเพื่อนำส่งยารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” จนสามารถคว้ารางวัลเชิดชูเกียรตินักวิจัยสตรีไทย ในโครงการ “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ประจำปี 2568 จัดโดยลอรีอัล กรุ๊ป ประเทศไทย

 

ความสำเร็จที่นี้ ยังตอกย้ำอุดมการณ์ สวทช. ที่มุ่งสร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนางานวิจัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของชาติ และนำพาประเทศสู่ความยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand)

 

วัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาสุกร (ASF) สายพันธุ์ไทย ความหวังควบคุมโรคระบาด

 

ความหวังที่จะควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ ปกป้องเกษตรกรไทยและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ต้องใช้ทั้งแรงกาย กำลังใจ และความพยายามอย่างในฐานะนักวิจัยหญิงอายุน้อย ที่ต้องเข้ามารับบทบาทผู้นำในการนำเสนอผลงาน “ช่วงแรกไม่มีใครเชื่อว่างานวิจัยจะสำเร็จ” ดร. สพ.ญ.ฌัลลิกา กล่าว

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 1

 

เนื่องจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรหรือ African Swine Fever (ASF) เป็นโรคระบาดรุนแรงในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัส African swine fever virus (ASFV) และเป็นโรคอุบัติใหม่ที่พบการระบาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2565 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้แก่อุตสาหกรรมสุกรไทย โดยเฉพาะในฟาร์มขนาดเล็กหรือขนาดกลาง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท เกษตรกรจำนวนมากต้องปิดฟาร์ม ขาดรายได้ และตกอยู่ในภาวะหนี้สิน ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องประสบปัญหาราคาเนื้อสุกรพุ่งสูง รวมถึงการนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนจากต่างประเทศที่ไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เช่น โรคหูดับ หากมีการบริโภคเนื้อสุกรที่ปรุงไม่สุก

 

“ประเทศไทยยังไม่มีองค์ความรู้ เทคโนโลยีพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งเรื่องของการพัฒนาวัคซีนที่แทบเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ ระยะแรกมาตรการที่ใช้ควบคุมการระบาดจึงทำได้เพียงการสร้างระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ Biosecurity เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่เข้าหรือออกจากฟาร์ม แต่ด้วยต้นทุนการจัดการฟาร์มที่มีมูลค่าสูง จึงเป็นเรื่องยากที่ฟาร์มสุกรขนาดเล็กและกลางจะลงทุนไหว”

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 2

 

การวิจัยพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพจึงเป็น ‘กุญแจสำคัญ’ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาโรคระบาด ASF และนั่นคือโจทย์เร่งด่วนให้เธอและทีมวิจัยต้องเร่งเดินหน้าพัฒนา ‘วัคซีนต้นแบบป้องกันโรค ASF’ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานการพัฒนา ‘วัคซีนสัตว์’ ภายใต้กลยุทธ์ S&T Implementation for Sustainable Thailand ของ สวทช. ที่มุ่งขับเคลื่อนงานวิจัยแก้ปัญหาสำคัญของชาติ และตอบโจทย์มิติการพึ่งพาตนเอง

 

การวิจัยและพัฒนาวัคซีนอาศัยฐานเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ไบโอเทค สวทช. สั่งสมมายาวนาน จนสามารถพัฒนา “วัคซีน ASF ต้นแบบชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์” จาก “ไวรัสสายพันธุ์ไทย” ตัวแรกได้สำเร็จ

 

“ผลการศึกษาเบื้องต้นในระดับห้องปฏิบัติการชี้ว่า วัคซีนต้นแบบชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์มีประสิทธิผลสูง สามารถป้องกันโรค ASF ได้ถึง 70–100% และมีความปลอดภัย แม้ใช้ในขนาดโดสที่สูงก็ไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรง”

 

ทั้งนี้ การทดสอบและประเมินประสิทธิผล ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอย่างเป็นระบบในสุกร ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ เกษตรกร และสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์ม เพื่อศึกษาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนหารือกับกรมปศุสัตว์และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการทดสอบในระดับฟาร์มจริง โดยจะเริ่มทดสอบในฟาร์มขนาดเล็กภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อเก็บข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนต้นแบบในการป้องกันโรค ASF อย่างละเอียดก่อนที่จะขยายผลในวงกว้างต่อไป

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 3

 

หากวัคซีน ASF ต้นแบบชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ในฟาร์มจริงประสบความสำเร็จ ความหวังที่จะพัฒนาวัคซีนต่อสู้กับโรคระบาดในสุกร และช่วยฟื้นฟูฟาร์มสุกรขนาดเล็กและกลางให้หวนกลับมาทำอาชีพได้อีกครั้งของ ดร. สพ.ญ.ฌัลลิกา จะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น

 

“ทุกวันนี้ แรงบันดาลใจสำคัญในการทำวิจัยคือ ‘เกษตรกรไทย’ แม้พวกเขาจะเคยสูญเสียทุกอย่างจากโรค ASF แต่พวกเขายังคงมีความหวังที่จะกลับมาเลี้ยงสุกรซึ่งเป็นอาชีพหลักและอาจเป็นอาชีพเดียวได้อีกครั้ง ดังนั้นถ้าวัคซีนที่พัฒนาขึ้นจะช่วยให้ฟาร์มเล็กๆ ของเกษตรกรฟื้นคืนกลับมาได้ และช่วยให้พวกเขามีรายได้และชีวิตที่ดีขึ้น ก็เป็นความภูมิใจสูงสุดในฐานะนักวิจัย”

 

“การวิจัยพัฒนาวัคซีน ASF ยังมีบทบาทในการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร รวมถึงลดการพึ่งพาวัคซีนจากต่างประเทศในอนาคต”

 

เธอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยพัฒนาวัคซีน ASF หรือการวิจัยพัฒนาวัคซีนสัตว์อื่นๆ ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ต้องอาศัยความร่วมมือและผลักดันจากหลายภาคส่วนเพื่อสร้างความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และบริบทของกฎหมายที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตวัคซีนสัตว์ที่มีมาตรฐานสากลและการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะทำให้ทีมวิจัยสามารถต่อยอดจากระดับห้องปฏิบัติการสู่การผลิตระดับอุตสาหกรรมได้ เป็นความหวังที่อยากให้เกิดการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นผู้ผลิตวัคซีนสัตว์เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและแข่งขันในภูมิภาคได้”

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 4

 

สำหรับเธอ การได้รางวัลเชิดชูเกียรตินักวิจัยสตรีไทย เป็นเหมือนกำลังใจอันยิ่งใหญ่ และเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า มีคนมองเห็นคุณค่าในความพยายามและความอดทนของเธอ

 

“รู้สึกดีใจและภูมิใจที่แม้งานวิจัยการพัฒนาวัคซีนต้นแบบป้องกันโรค ASF จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ยังมีคนมองเห็นคุณค่าในความพยายามและความอดทนในการทำงานวิจัยที่เป็นเรื่องใหม่ โดยเฉพาะการทดสอบในสุกรซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญและทำงานภายใต้ข้อจำกัดมากมาย มันคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้เราและทีมวิจัยก้าวต่อไปในโจทย์ที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยให้สามารถแก้ปัญหาแก่เกษตรกรไทยได้จริง ดร.สพ.ญ.ฌัลลิกา กล่าว

 

“อนุภาคนาโนไขมันดัดแปลงพื้นผิว” ความหวังส่งยาแม่นยำ รักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ตรงจุด

 

สำหรับ ดร.มัตถกา คงขาว ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. นอกจากความหวังที่จะได้เห็นจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบข้างเคียงจากการกินยาลดลงด้วยการพัฒนายาที่ตรงจุดมากขึ้น เธอยังหวังที่จะเห็นการพัฒนาด้านเวชศาสตร์ป้องกันเพื่อชะลอการเกิดโรค โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) เช่น มะเร็ง สมองเสื่อม เบาหวาน ไขมันและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 5

 

ประเทศไทยพบผู้ป่วยในกลุ่มโรค NCDs เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่า 75% ของผู้เสียชีวิตต่อปี นอกจากนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรค NCDs ได้ง่าย

 

อีกทั้งปัจจุบันการรักษาโรคในกลุ่ม NCDs แบบเดิมยังมีข้อจำกัดมาก เช่น ยาดูดซึมได้ไม่ดี มีการกระจายไปทั่วร่างกายแบบไม่จำเพาะ ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ตัวยาสำคัญเกิดการสลายตัวในทางเดินอาหาร ส่งผลให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่ดีหรือไม่จำเพาะเจาะจง นอกจากนี้ตัวยาหรือสารออกฤทธิ์บางตัวที่ไวต่อสภาพแวดล้อม เช่น เพปไทด์หรือสารสมุนไพร มักเสื่อมสลายง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ประสิทธิภาพการรักษาลดลง ที่สำคัญผู้ป่วยบางรายมีโรคร่วมหลายอย่าง ทำให้ต้องรับประทานยาจำนวนมาก

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 6

 

การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับกลุ่มโรค NCDs เป็นโจทย์สำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ ดร.มัตถกา ทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาอนุภาคนาโนไขมันกักเก็บยาและสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยดัดแปลงพื้นผิวของอนุภาคนาโนไขมันให้มีลักษณะที่จำเพาะเจาะจงกับโรคนั้นๆ เช่น การเพิ่มอนุภาคที่เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ การเพิ่มตัวจับเฉพาะกับเซลล์เป้าหมาย การปรับประจุพื้นผิวให้เกาะกับเนื้อเยื่อดีขึ้นเพื่อให้ดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหารได้ดี เพื่อใช้กักเก็บและนำส่งยาอย่างจำเพาะเจาะจง ลดผลข้างเคียง เพิ่มการดูดซึม และช่วยให้ผู้ป่วยใช้ยาน้อยลงแต่ได้ผลมากขึ้น

 

“การนำเทคโนโลยีนาโนมาใช้พัฒนาระบบนำส่งยาสู่เป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง คือหนทางควบคุมการปลดปล่อยยาได้ตรงจุด เพิ่มเสถียรภาพของยา และช่วยให้ยาออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบให้รองรับโรคหลากหลาย ทั้งมะเร็ง ภาวะอักเสบเรื้อรัง เบาหวาน โรคหัวใจ ไปจนถึงงานด้านชะลอวัย โดยมีการทดสอบในระดับพรีคลินิกแล้วและเตรียมก้าวสู่การทดสอบทางคลินิก ซึ่งเป็นความหวังสำคัญที่อาจนำไปสู่ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคของคนไทยภายใน 3–5 ปี”

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 7

 

ปัจจุบันอนุภาคนาโนไขมันที่ออกแบบมีความจำเพาะกับกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคทางระบบประสาทเสื่อม มะเร็ง การอักเสบเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ไขมันช่องท้องและในเลือด รวมถึงความชราของผิวหนัง และอื่น ๆ

 

ดร.มัตถกา ยกตัวอย่าง ยาคีโมที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับจะมีกลไกการออกฤทธิ์เพื่อยับยั้งเซลล์ที่แบ่งตัวผิดปกติอย่างไม่จำเพาะเจาะจง ทำให้ยาคีโมไปทำลายเซลล์รากผมหรือเยื่อบุลำไส้ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผมร่วงหรืออาเจียน

 

“หากใช้อนุภาคนาโนไขมันนำส่งยาไปยังเซลล์มะเร็งได้อย่างจำเพาะเจาะจง จะช่วยลดผลข้างเคียงและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยก็ดีขึ้น หรือในกรณีผู้ป่วยสูงอายุกลุ่มโรค NCDs ที่มักมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ไตวายเรื้อรัง อาจต้องรับประทานยาปริมาณมาก การใช้อนุภาคนาโนไขมันเข้าไปช่วยเพิ่มการดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหาร จะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น สามารถลดปริมาณยาและลดการได้รับผลข้างเคียงจากยา ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น”

 

อย่างไรก็ดี นวัตกรรมอนุภาคนาโนที่ ดร.มัตถกา พัฒนาขึ้น ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีแผนนำไปใช้ในเชิงเวชศาสตร์ป้องกันในด้านการชะลอและป้องกันการเกิดโรค NCDs รวมถึงประยุกต์ใช้ในการกักเก็บสารสกัดหรือสารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) สำหรับผลิตภัณฑ์เวชสำอางและอาหารเสริมชะลอวัย ปัจจุบันสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกระชายดำในเชิงเวชสำอางและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการเพื่อผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ ถือเป็นผลงานวิจัยภายใต้แพลตฟอร์มสร้างนวัตกรรมสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรไทยเพื่อความงาม สุขภาพ และอายุยืนยาว (PhytoEX) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของ สวทช. ในการขับเคลื่อนงานวิจัยตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติในมิติเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง

 

“อนุภาคนาโนไขมันไม่เพียงเป็นนวัตกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพของคนไทย แต่ยังเป็นองค์ความรู้ที่ช่วยวางรากฐานให้ประเทศไทยพัฒนาอุตสาหกรรมยา สมุนไพร และเวชสำอางคุณภาพสูงในอนาคต ที่สำคัญหากประเทศพัฒนานวัตกรรมได้เอง จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศมากขึ้น”

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 8

 

การได้รับรางวัลเชิดชูเกียรตินักวิจัยสตรีไทยจากลอรีอัลในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันหรือสะท้อนให้เห็นว่า งานวิจัยและแผนกลยุทธ์ที่ สวทช. ผลักดันนั้นมาถูกทาง และสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้จริง สำหรับ ดร.มัตถกา นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะเธอยังตั้งเป้าต่อยอดผลักดันอนุภาคนาโนไขมันเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาจากสมุนไพร และยาสมุนไพรให้สำเร็จ รวมทั้งวางแผนวิจัยต่อยอดในกลุ่มโรคติดเชื้อ เพราะทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยามากขึ้น อย่างไรก็ดีเป้าหมายสูงสุดของการทำวิจัยที่มุ่งหวังไว้คือให้คนไทยได้ใช้นวัตกรรมแล้วมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

 

โลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการสตรี

 

รางวัลที่ 2 นักวิจัยหญิงได้รับ ไม่เพียงเติมเต็มความหวังในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย ความปลอดภัยทางอาหาร และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้กับประเทศไทย แต่ยังเป็นแรงบันดาลให้นักวิทยาศาสตร์หญิงไทยเดินหน้าสร้างสรรค์งานเพื่อสังคมอย่างไม่หยุดยั้ง

 

เชิดชู 2 นักวิจัยหญิง สวทช. ผลักดันความหวังใหม่ด้วยนวัตกรรม ‘วัคซีน ASF–นาโนส่งยา’ จนคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์สตรีปี 2568 จาก LOréal [Advertorial] 9

 

ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal Group) ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก จึงเดินหน้าผลักดัน ส่งเสริม สร้างความตระหนักรู้ และสนับสนุนนักวิจัยสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์ ผ่านโครงการทุนวิจัยลอรีอัล เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ หรือ For Women in Science (FWIS) ที่ไม่เพียงสนับสนุนและเชิดชูผลงานของนักวิจัยสตรีทั่วโลก และส่งเสริมความเท่าเทียมของสตรีในวงการวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังตั้งใจให้เวทีนี้เป็นตัวแทนของความเสมอภาคทางเพศในวงการวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กหญิงรุ่นใหม่เลือกทำงานในสายวิทยาศาสตร์ และเน้นย้ำความสำคัญของผู้หญิงต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘วิทยาศาสตร์เพื่อมนุษยชาติ’

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising