วันนี้ (9 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงคำสั่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ห้ามไม่ให้ท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 รวมถึงเอกชนด้วยว่ายืนยันคำสั่งดังกล่าวชัดเจนอยู่แล้ว เพราะวัคซีนล็อตแรกที่จะถึงประเทศไทยเป็นการออกใบสั่งซื้อของรัฐบาลภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ซึ่งคำสั่งที่ออกไปก็เพื่อต้องการยืนยันในความชัดเจน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความไม่เข้าใจในวงกว้าง ขณะเดียวกันวัคซีนทุกยี่ห้อที่ใช้ฉีดทั่วโลกตอนนี้ยังอยู่ในการใช้ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินทุกประเทศ แทบทุกวัคซีนยังต้องรวบรวมข้อมูล ศึกษาวิจัยในระยะที่ 3 ที่ใช้กับมนุษย์ “ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อจำนวนมาก เขาจึงยอมให้เอาวัคซีนมาฉีดในมนุษย์ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างน้อยก็ให้รู้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์จนเกินที่จะรับได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะป้องกันได้ 100% แต่เพื่อเป็นการไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตหรือเข้า ICU และยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าฉีดแล้วจะไม่ติดโควิด-19 อีก ดังนั้นไม่ต้องถามหรือตามต่อแล้ว คนอื่นนอกจากรัฐบาลซื้อไม่ได้ เพราะเขาจะไม่ขายให้” อนุทินกล่าว
ส่วนบางประเทศที่สั่งระงับการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca เพราะมีผลข้างเคียงจนถึงมีคนแพ้นั้น อนุทินย้ำว่าทุกอย่างยังอยู่ในระยะทดลอง ประเทศไทยเตรียมความพร้อมการศึกษาข้อมูลรองรับไว้หมดแล้ว หากวัคซีนมาถึง เข็มแรกที่จะฉีดให้ประชาชนต้องปลอดภัย เรื่องของประเทศอื่นไม่อยากให้สื่อนำเสนอจนเกิดความวิตกและเข้าใจผิด โดยเฉพาะคนที่มีสื่ออยู่ในมือ เสนอข่าวลุกลามไปจนกล่าวอ้างว่ารัฐบาลยังไม่ลงทะเบียนวัคซีนทั้งที่จะมาถึงประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ยิ่งไปเสนอข่าวแบบนี้ประชาชนยิ่งเข้าใจผิด เพราะไม่มีประเทศไหนที่จะไม่เตรียมการเตรียมพร้อม เมื่อวัคซีนจะมาถึง ทุกอย่างกำหนดไว้หมดแล้ว ไม่มีการขยับหรือเลื่อน วัคซีนจะมาถึงประเทศไทย ใบสั่งซื้อออกมาหมดแล้ว
อนุทินยังกล่าวอีกว่าวันนี้ตอบเรื่องวัคซีนไม่ล่าช้า วันอื่นก็ตั้งคำถามรอไว้อีก ตั้งปัญหารอ เช่น ตู้แช่วัคซีนเสีย ดังนั้นก็จะมาตอบคำถามไม่หมดไม่สิ้น ซึ่งทางการบินไทยเตรียมการไว้หมดแล้ว ทุกอย่างไม่ได้ทำคนเดียว ทำงานเป็นระบบ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์