ถึงแม้จะมีความพยายามในการปั่นป่วนและขัดขวางจากแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ที่รวมตัวกันประท้วงเจ้าของสโมสรก่อนเกม แต่สุดท้ายเกม ‘แดงเดือด’ สามารถทำการแข่งขันได้ และเป็นเกมที่ดีที่สุดในรอบหลายปีมีถึง 6 ประตู และเป็น ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลที่บุกมาคว้าชัยชนะได้ 4-2
เกมที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนัดนี้ถูกจับตามองอย่างมากเนื่องจากต้องเลื่อนการแข่งขันจากเดิมที่จะแข่งในวันที่ 2 พฤษภาคมมาเป็นวันที่ 13 พฤษภาคมแทนหลังเกิดเหตุการณ์แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมตัวประท้วงขับไล่ครอบครัวเกลเซอร์เจ้าของสโมสรถึงขั้นบุกเข้าไปในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และขัดขวางไม่ให้นักฟุตบอลเดินทางมาแข่งได้
การประกาศจะรวมตัวกันก่อนเกมทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพยายามวางแผนในการรักษาความปลอดภัย โดยนอกจากจะมีการตรวจตราอย่างเข้มงวดแล้วยังให้ผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ดเดินทางมาที่สนามด้วยรถยนต์ส่วนตัวล่วงหน้าถึง 6 ชั่วโมง โดยให้มาพักผ่อนที่สนามก่อน แต่เหตุการณ์วุ่นวายกลับเกิดกับฝ่ายลิเวอร์พูลที่รถโค้ชของสโมสรถูกแฟนบอลดักปิดทางและมีการปล่อยลมยางด้วย เพียงแต่รถคันดังกล่าวเป็นรถหลอกที่ตำรวจสับขาให้นักเตะหงส์แดงเดินทางมาด้วยรถบัสคันอื่น ซึ่งแม้จะมาถึงสนามช้าแต่ก็มาได้ทันเวลา ทำให้สามารถแข่งขันได้ในที่สุด
เกมนี้ไม่ได้มีความหมายกับแมนฯ ยูไนเต็ดมากนักเนื่องจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้แชมป์แล้ว และยังการันตีตำแหน่งไปแชมเปียนส์ลีกเรียบร้อย แต่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมจัดขุนพลชุดใหญ่ลงครบครันหลังพักทั้งหมดในเกมที่เพิ่งแพ้เลสเตอร์ ซิตี้มาเมื่อวันอังคาร โดยขาดเพียงกัปตันทีม แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนลิเวอร์พูลเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเดียวเช่นกันโดยให้ โรแบร์โต เฟียร์มิโน กลับมาเป็นตัวจริงและพัก ซาดิโอ มาเน เป็นตัวสำรอง ส่วนกองหลังดาวรุ่ง รีห์ส วิลเลียมส์ ยังได้เล่นคู่กับ แนต ฟิลลิปส์ เหมือนเดิม
เมื่อเริ่มเกมแมนฯ ยูไนเต็ดได้ประตูออกนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 10 จาก บรูโน แฟร์นันด์ส ที่ได้โอกาสยิงไซด์ก้อยในกรอบเขตโทษ ฟิลลิปส์พยายามแหย่ขาสกัดกลายเป็นเข้าประตูตัวเอง แต่ลิเวอร์พูลไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะพลาดการได้จุดโทษในจังหวะที่ เอริก ไบยี เข้าสกัดฟิลลิปส์จนล้มในเขตโทษ แต่กองหลังที่เคยเป็นตัวสำรองสุดกู่แก้ตัวได้ในนาทีที่ 34 เมื่อขึ้นมาเล่นลูกเตะมุมและได้โอกาสแต่งบอลหาจังหวะยิง ลูกมาเข้าทาง ดีโอโก โชตา ไขว้บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป
จากนั้นก่อนหมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษระยะ 30 หลา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดลึกไปที่เสาไกลถึงเฟียร์มิโน วิ่งสอดมาโหม่งสบายๆ เข้าไปให้ทีมเยือนขึ้นนำ 2-1 เมื่อจบครึ่งแรก และเมื่อกลับมาลงสนามใหม่ในครึ่งหลังกองหน้าชาวบราซิลก็มายิงประตูหนีห่างเป็น 3-1 ได้ภายในนาทีเดียวจากการซ้ำลูกยิงของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
เกมทำท่าจะเป็นของลิเวอร์พูล แต่เมื่อมีโอกาสยิงปิดกล่องแต่ทำไม่ได้หลายครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ดตีโต้คืนได้ในนาทีที่ 68 เมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้หลุดเข้ากรอบเขตโทษก่อนจะยิงสวนตัวอลิสซันเข้าไปนิ่มๆ ให้สกอร์ตามมาเป็น 3-2 และเกือบจะตีเสมอด้วยเมื่อ เมสัน กรีนวูด ตัวสำรองที่ลงมาได้โอกาสยิงเผาขนแต่ว่าติดขาของฟิลลิปส์ที่สกัดได้บนเส้น ยิงซ้ำก็ติดวิลเลียมส์ที่ขวางไว้ได้ทัน
จากนั้นทั้งสองทีมต่างมีโอกาส แต่เป็นลิเวอร์พูลที่ได้ประตูปิดกล่องในนาทีสุดท้ายของเกมจากการสวนกลับเร็ว เคอร์ติส โจนส์ ตัวสำรองที่ลงมาแทงบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สปีดสุดตัวก่อนหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่าน ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารเจ้าบ้านได้อย่างสบายๆ ช่วยให้ทีมเยือนบุกมาชนะไป 4-2 คว้า 3 คะแนนสำคัญในการลุ้นไปแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์