On This Page
15 ธันวาคม 2568
19:32 น.
ทูตจีนประจำกัมพูชาชี้ การยุติสู้รบและปกป้องพลเรือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จีนหวังไทย-กัมพูชาคำนึงถึงการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ให้สองฝ่ายอดกลั้น และดำเนินมาตรการทุกวิถีทางที่จะนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

17:44 น.
กองทัพเรือ แจ้งงดออกเรือทำการประมงชั่วคราวในพื้นที่ทางทะเล จ.ตราด ในพื้นที่ ทิศใต้ของเกาะช้าง, อําเภอคลองใหญ่, รอบเกาะกูด และตรงข้ามเกาะยอ มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. เป็นต้นไป
17:09 น.
สถานทูตรัสเซียในไทยระบุ ข่าวกัมพูชาใช้ทหารรับจ้างรัสเซียไม่เป็นความจริง ย้ำสนับสนุนให้ไทย-กัมพูชาแก้ปัญหาโดยสันติวิธีเท่านั้น
13:42 น.
ทบ. เผยเข้าควบคุมปราสาทตาควายได้แล้ว ส่วนเนิน 350 และบริเวณโดยรอบยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการ
14 ธันวาคม 2568
20:43 น.
ฮุนเซนโพสต์แจง แนะนำรัฐบาลระงับพลเรือนข้ามพรมแดน เฉพาะทางบกเพราะยังมีการสู้รบ ส่วนทางอากาศเดินทางได้ปกติ ยืนยันไม่ห้ามการเดินทาง
16:02 น.
ทหารไทย ยึด ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี GAM-102LR สัญชาติจีน รุ่นล่าสุด เปิดตัวต้นปี 68 หลังเข้าตีฐานกัมพูชา ยึดเนิน 500
09:32 น.
ตราดประกาศเคอร์ฟิว 5 อำเภอ หลังถูกยิง M79 กลางดึก คาดพิกัดยิงจากในประเทศ
วันนี้ (14 ธันวาคม) กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดตราด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังเกิดเหตุยิงอาวุธ M79 ใส่กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ประกาศดังกล่าวอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 กำหนดให้ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 19.00-05.00 น. ครอบคลุมพื้นที่อำเภอคลองใหญ่ บ่อไร่ แหลมงอบ เขาสมิง และอำเภอเมืองตราด เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
นอกจากนี้ ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายความมั่นคงใช้มาตรการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการควบคุมพื้นที่ ควบคุมบุคคล และตรวจค้น เพื่อป้องกันเหตุที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เวลาประมาณ 21.00 น. คนร้ายใช้อาวุธยิงลูกระเบิด M79 จำนวน 3 นัด ใส่กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากกระสุนตกในพื้นที่โล่ง
จากการคำนวณวิถีกระสุน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าการยิงดังกล่าวมีพิกัดมาจากภายในประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยและเร่งติดตามผู้ก่อเหตุอย่างใกล้ชิด

07:20 น.
กองทัพเรือยึดคืนพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด ปักธงชาติไทยยืนยันอธิปไตย หลังเปิดปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืด
อย่างไรก็ตาม พื้นที่โดยรอบบ้านหนองรียังคงมีการปะทะเป็นระยะ จากความพยายามตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่กำลังพลนาวิกโยธินยังคงปฏิบัติภารกิจควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักความจำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อรักษาความมั่นคงของพื้นที่ และป้องกันไม่ให้เกิดการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอีก

13 ธันวาคม 2568
17:32 น.
กองทัพเรือรบแล้ว เปิดยุทธการ ‘ประจวบคีรีขันธ์-ประจันตคีรีเขตร” ป้องกันภัยคุกคามตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย หลังทหารกัมพูชาขนกำลังเข้าแนวหน้าเกาะยอ-เกาะกง
17:23 น.
ฮุน มาเนต หนุนข้อเรียกร้องผู้นำมาเลเซียให้ ไทย-กัมพูชา หยุดยิง 22.00 น. วันนี้ โดยมีการตรวจสอบจากทีมสังเกตการณ์อาเซียนและสหรัฐฯ
15:52 น.
สีหศักดิ์ ชี้ทรัมป์ไม่เข้าใจสถานการณ์แท้จริง-รับข้อมูลคลาดเคลื่อน ยืนยันทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ ย้ำกัมพูชาจงใจยิงจรวด BM-21 ใส่พลเรือน ไทยตอบโต้ไม่เกินกว่าเหตุ
14:08 น.
ฮุน เซน เสนอรัฐบาลกัมพูชาพิจารณาระงับการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชา ชี้เพื่อความปลอดภัยประชาชนจนกว่าจะมีการหยุดยิง
วันนี้ (13 ธันวาคม) สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และประธานพรรครัฐบาล ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาระงับการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นการชั่วคราว ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน
สมเด็จ ฮุน เซน ระบุว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้เกิดการสู้รบซึ่งส่งผลกระทบต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานหลายแห่ง อาทิ สะพาน ถนน โรงเรียน และวัดวาอาราม พร้อมทั้งอ้างถึงการใช้ปืนใหญ่และอากาศยานในการโจมตี รวมถึงการใช้ระเบิดลูกปรายในหลายพื้นที่
ในฐานะประธานวุฒิสภา ประธานคณะที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ และผู้นำพรรครัฐบาล สมเด็จ ฮุน เซน ระบุว่า มาตรการระงับการเดินทางข้ามพรมแดนมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางผ่านพื้นที่ชายแดน จนกว่าการหยุดยิงจะถูกนำมาบังคับใช้อย่างสมบูรณ์
แถลงการณ์ยังระบุว่า ชาวกัมพูชาที่พำนักและทำงานอยู่ในประเทศไทยควรดำเนินชีวิตและทำงานต่อไปในไทย ขณะที่ชาวไทยซึ่งอาศัยและทำงานอยู่ในกัมพูชาควรพำนักอยู่ในกัมพูชาต่อไปในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมขอให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายแสดงความเข้าใจต่อมาตรการนี้
นอกจากนี้ สมเด็จ ฮุน เซน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินมาตรการเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพลเมืองไทยที่พำนักอยู่ในกัมพูชา เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดจากการสู้รบและอาวุธสงครามในพื้นที่

13:10 น.
ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งห้ามประชาชนกลับบ้านในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเด็ดขาด หลังจรวด BM-21กัมพูชาตกใส่ชุมชน
ทีมโฆษก กอ.รมน. ขอแจ้งเตือนสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และรายงานเหตุการณ์อันตรายล่าสุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
เหตุการณ์ล่าสุด (13 ธ.ค. 68) เกิดเหตุ ลูกระเบิดจรวด BM-21 ตกใส่พื้นที่ชุมชนใน จังหวัดศรีสะเกษ โดยไม่คาดคิด ส่งผลให้ประชาชนบาดเจ็บสาหัส 2 คน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง ด้านอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ จึงได้มีคำสั่งกำชับไปยังประชาชนอย่างเด็ดขาด
ห้ามประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยเด็ดขาด เนื่องจากเหตุปะทะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสี่ยงต่ออันตรายซ้ำซ้อน
ขอให้ประชาชนที่อพยพแล้วอยู่ในศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและ โปรดติดตามข้อมูลและคำแนะนำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด ห้ามแชร์ข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยัน จังหวัดจะดูแลและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ประสบภัยอย่างเต็มที
12:10 น.
กองทัพภาคที่ 2 รายงานเข้ายึดที่หมายซำแต , เนิน 677 พื้นที่ช่องอานม้าได้เรียบร้อย แต่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการทางทหาร
สรุปสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 1100 ดังนี้.
1. เข้ายึดที่หมายซำแต , เนิน 677 พื้นที่ช่องอานม้าได้เรียบร้อย แต่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการทางทหาร
2. พื้นที่คณาดำเนินการเข้ายึดได้แล้ว 3 ที่หมาย อยู่ระหว่างปฏิบัติการในส่วนที่เหลือ
3. พื้นที่ตาควาย ยังมีการรบปะทะอย่างหนัก ผลการปฏิบัติจะรายงานให้ทราบต่อไป
4. สำหรับพื้นที่สำคัญอื่นๆ ตลอดแนวชายแดน ยังคงมีการสู้รบประปราย สถานการณ์อยู่ในระดับควบคุมได้และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีความพยายามในการใช้อาวุธปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงเข้ามายังฐานปฏิบัติการของฝ่ายเรา
รายการยุทโธปกรณ์และสิ่งอุปกรณ์ที่สำคัญจากการเข้ายึดที่หมายฐานปฏิบัติการของทหารกัมพูชาพื้นที่ซำแต และ เนิน677 ดังนี้
1. โทรศัพท์ 8 เครื่อง
2. สมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา 1 เล่ม
3. ลูกระเบิด m203 7 ลูก
4. จรวด RPG พร้อมอุปกรณ์ 50 ชุด
5. กระสุนปืน 11,765 นัด
6. วิทยุสื่อสาร 15 เครื่อง
จากการตรวจสอบในสมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา พบข้อมูลแผนผังการวางทุ่นระเบิดและกับระเบิดแสวงเครื่องในวันที่ 12 ส.ค. 68 จำนวน 11 จุด 30 ลูก และ กับระเบิดแสวงเครื่องประกอบ TNT จำนวน 2 จุด 6 ลูก นอกจากนั้นยังพบแผนการเตรียมวางทุ่นระเบิดในวันที่ 21 ส.ค.68 จำนวน 6 จุด แต่ยังไม่ระบุจำนวนทุ่นระเบิดเอาไว้ สำหรับโทรศัพท์ทั้ง 8 เครื่องและสมุดบันทึก 1 เล่ม ได้นำส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบและขยายผล
สำหรับพื้นที่ต้องสงสัยว่าจะมีการวางทุ่นระเบิด/กับระเบิด ปัจจุบันหน่วยได้ทำการควบคุมพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเตรียมการให้กับหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์ และจะรายงานให้ทราบต่อไป
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะดำเนินการ ทุกมาตรการอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด
11:03 น.
ทหารไทยสามารถยึดพื้นที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ 100% แล้ว
10:08 น.
อนุทินโพสต์โต้ทรัมป์ ยืนยันเหตุทุ่นระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุริมถนน ไทยจะดำเนินการทางทหารต่อจนกว่าจะไร้อันตราย-ภัยคุกคามต่อแผ่นดินและประชาชน
01:09 น.
ทรัมป์โพสต์หลังคุยอนุทิน-ฮุน มาเนต อ้างไทย-กัมพูชา ตกลงจะยุติการสู้รบทั้งหมด และกลับสู่ปฏิญญาร่วม ชี้ทุ่นระเบิดที่คร่าชีวิตและทำทหารไทยบาดเจ็บเป็นอุบัติเหตุ แต่ฝ่ายไทยตอบโต้รุนแรง มั่นใจสองประเทศพร้อมสร้างสันติภาพและดำเนินการค้ากับสหรัฐฯ ต่อไป

12 ธันวาคม 2568
22:36 น.
อนุทินเผยหลังคุยโดนัลด์ ทรัมป์ หวังให้ไทยหยุดยิง นายกฯ เผยขอให้ไปเรียกร้องกับกัมพูชา เหตุเป็นฝ่ายละเมิด Join Declaration ก่อน พร้อมรับปากช่วยลดภาษีให้ได้ดีกว่าประเทศอื่น ยืนยันไม่ได้เอาสถานการณ์ชายแดนมากดดัน ส่วนตัวเลขเท่าไรนั้นให้ศุภจีไปอ้อนเพิ่ม
11 ธันวาคม 2568
14:46 น.
คนไทยที่ทำงานฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ยังไม่ได้ข้ามกลับฝั่งไทย อยู่ในขั้นตอนเจรจา ส่วนแรงงานกัมพูชาในไทยยังไม่ถูกผลักดันออก อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติ – โทรศัพท์
12:19 น.
ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 7 จ.อุบลราชธานี เชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินจากเหตุสู้รบชายแดน
สามารถบริจาคโลหิตได้ตามหน่วยรับบริจาคโลหิตดังนี้
📍ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 7 จ.อุบลราชธานี
ชั้น 2 เปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-19.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 09.00-15.30 น.
สอบถามโทร 045-244628
📍 โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์
ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ
เปิดบริการ จันทร์ -ศุกร์ (วันทำการ)เช้า 09.00-11.00 น บ่าย 13.00-15.30 น. โทร 086 4187080
📍โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
กลุ่มงานธนาคารเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต
ชั้น 2 อาคารหม่อมเจียงคำ
เปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-19.00 น.
วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุด เวลา 09.00-18.00 น.
โทร 045 319200 ต่อ 1586
📍โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราขเดชอุดม
ห้องบริจาคโลหิต อาคาร 4 ชั้น 2
เปิดทุกวัน เวลา 8.30-15.30 น.
📍 โรงพยาบาลวารินชำราบ
ห้องบริจาคโลหิต กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์
ชั้น 2 อาคารบำบัด (ตึก3) เปิดบริการ จันทร์ -ศุกร์
เช้า 08.00-12.00 น บ่าย 13.00-15.30 น.
โทร 0957950824,045424250-3 ต่อ 7250
📍 โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ
ห้องรับบริจาคโลหิต ประตู 3 ชั้น 1 อาคาร 9 ชั้น
เปิดทุกวัน 08.00-20.00 น.
โทร 045319300 ต่อ 2103 2109
โทร 045319318 กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์
📍 โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร
ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 1 เปิดบริการ ทุกวันราชการ 8.30-15.30 น.โทร 045441053 ต่อ 2889
📍 โรงพยาบาลบุณฑริก
กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ ตึก 5 ชั้น 2
เปิดบริการจันทร์-ศกร์ 8.30-15.30 น.
โทร 087-239-8066
📍 โรงพยาบาลตระการพืชผล
ห้องคัดกรองผู้บริจาคโลหิต กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์
ตึกอุบัติเหตุ ชั้น2 เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น.
โทร 045481012,045481777 ต่อ 2214,0635152499
📍 โรงพยาบาลเขมราฐ
กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ ตึกผู้ป่วยนอก
เปิดบริการ ทุกวันราชการ เวลา 8.30-15.30 น
โทร 045-491666 ต่อ 1023
10:00 น.
ฝ่ายไทยเตรียมการเปิดด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อรับคนไทยจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชากลับประเทศ

09:57 น.
อนุทินเผยหารือประธานอาเซียนแล้ว ส่วน ปธน. สหรัฐฯ ยังไม่ได้ติดต่อมา แต่พร้อมอธิบายและชี้แจงเหตุความขัดแย้งอย่างละเอียด ย้ำไทยต้องรักษาอธิปไตย และศักดิ์ศรีคนไทย
09:56 น.
สมาชิกรัฐสภายืนไว้อาลัยให้ทหารไทยทั้ง 9 นาย ที่เสียชีวิตจากการสู้รบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
08:16 น.
กองกำลังบูรพาใช้กฎอัยการศึก เข้าคุมตัว ‘เจ๊ลัด’ อดีตภรรยาของกำนันลี ชาวกัมพูชา ไปสอบสวน หลังมีพฤติกรรมส่อไปในทางไส้ศึก

10 ธันวาคม 2568
16:35 น.
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา ออกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 19.00 – 05.00 น. ในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดน จ.สระแก้ว

15:17 น.
กองทัพภาคที่ 2 ทำลายเครนบนเขาพระวิหาร หลังข่าวกรองชี้ชัดใช้เป็นที่ตั้งระบบแอนตี้โดรน และระบบกล้องวงจรปิดแบบสัญญาณเรดาห์
14:10 น.
จ.ศรีสะเกษ ขอให้ประชาชน ‘งด’ กลับเข้าภูมิลำเนาพื้นที่ใกล้ชายแดน จนกว่าจะมีประกาศทางการเพื่อความปลอดภัย

10:00 น.
กองทัพภาคที่ 2 นำสื่อ BBC ลงพื้นที่สุรินทร์ ตรวจโรงพยาบาล-ศูนย์อพยพ หลังประชาชนได้รับผลกระทบกระสุน BM-21
วันนี้ (10 ธันวาคม) เวลา 10.00 น. พันเอก สมเด็จ พวงผกา หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พันเอก วินัย บุญวิจิตร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 อำนวยความสะดวกให้ โจนาธาน เฮด (Jonathan Head) ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC News ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
การลงพื้นที่ครั้งนี้ครอบคลุม ศูนย์พักพิงชั่วคราวจังหวัดสุรินทร์ โรงพยาบาลพนมดงรัก และบ้านเรือนประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากกระสุนจรวด BM-21 โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์ภายในบังเกอร์หลบภัย และตรวจเยี่ยมประชาชนผู้ประสบภัย เพื่อรับฟังสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่
กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชนต่างประเทศเข้าถึงข้อเท็จจริงในพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสะท้อนสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม ความปลอดภัยของประชาชน และการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดน

09:22 น.
การรถไฟฯ แจ้งงดเดินขบวนรถธรรมดาที่ 275/276 และ 279/280 เป็นการชั่วคราว เฉพาะช่วงอรัญประเทศ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก เนื่องจากเหตุปะทะชายแดน จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

08:40 น.
ทภ. 2 เผยพบกระสุน BM-21 ตกใกล้โรงพยาบาลพนมดงรัก เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและชุดแพทย์เข้ามาอยู่ในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัยแล้ว

9 ธันวาคม 2568
17:37 น.
ทหารไทยเข้ายึดพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
วันนี้ (9 ธันวาคม) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจาก กองกำลังบูรพา เมื่อเวลา 16.00 น. โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เข้าปฏิบัติการทางทหาร
สามารถควบคุมพื้นที่ บริเวณบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้บางส่วน โดยมีการวางลวดหนามตลอดแนวที่ควบคุมได้ รายละเอียดเพิ่มเติมแจ้งให้ทราบต่อไป
อ้างอิง : https://www.facebook.com/share/p/1H3Pgoa9

15:53 น.
กองทัพเรือเตือนประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงไปจนถึงแนวชายแดนภาคตะวันออก จ.ตราด
หากพบเห็นโดรนหรือซากโดรนแปลกปลอมอย่าเข้าใกล้ให้รีบแจ้งทหาร – ฝ่ายความมั่นคงด่วน

15:40 น.
ทอ. ส่ง F-16 ทิ้งระเบิดนำวิถีทำลายคลังเก็บจรวด BM-21 กัมพูชา
วันนี้ (9 ธันวาคม) กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ภาพ เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ แบบ GBU-12 Paveway II ต่อเป้าหมายคลังเก็บจรวด BM-21 และอาวุธหนักของกองทัพกัมพูชา จนเกิดการระเบิดดังต่อเนื่องอย่างรุนแรง กลางกรุงสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย

12:39 น.
ทหารไทยยิงทำลาย ‘กาสิโนฝั่งกัมพูชา’ ที่ใช้เป็นที่ตั้งยิงอาวุธเพื่อโจมตีฝ่ายไทย จ.สระแก้ว
วันนี้ (9 ธันวาคม) เมื่อเวลา 12.32 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจาก กองกำลังบูรพา โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 ปฏิบัติการใช้ปืนใหญ่รถถัง ยิงทำลายบ่อนกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดน ใช้เป็นที่ตั้งยิงอาวุธวิธีโค้ง, ป้อมปืนกลและสะสมอาวุธ เพื่อใช้โจมตีใส่ฝ่ายไทย ในพื้นที่ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
อ้างอิง : https://www.facebook.com/share/p/1C1zSchDNh/

11:30 น.
กองกำลังสุรนารี (ทภ.2) รายงานทหารไทยเสียชีวิต 2 นาย จากการสู้รบที่ฐานปฏิบัติการ จ.สุรินทร์ และ ในพื้นที่ต่อสู้พระวิหาร
กองทัพภาคที่ 2 รายงานกำลังพลเสียชีวิต 2 นาย จากเหตุปะทะในพื้นที่สุรินทร์และพระวิหาร
กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี รายงานเหตุสูญเสียกำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น. ส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิตจำนวน 2 นาย
ผู้เสียชีวิตรายแรกคือ พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง ในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จังหวัดสุรินทร์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อีกรายคือ สิบเอก ชวกร เดชขุนทด สังกัดกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด ในพื้นที่พระวิหาร ก่อนเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ
กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมให้การช่วยเหลือและดูแลครอบครัวของกำลังพลผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ตามระเบียบต่อไป
09:11 น.
กองทัพเรือยืนยันปฏิบัติการบริเวณบ้านหนองรี จ.ตราด ไม่มีการใช้อาวุธต้องห้ามใดๆ ไม่มีการครอบครองอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ และมุ่งเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
08:40 น.
ทภ.2 เผยกระสุนปืนใหญ่ลงหนักในพื้นที่ พระวิหาร, ภูมะเขือ, เนิน 600, บ้านภูมิซรอล ม.12, ช่องอานม้า, ช่องบก, ปราสาทตาควาย, พลาญยาว ขณะที่โดรนพลีชีพ ลงในพื้นที่ พญาสัตบรรณ และเนิน 561
06:00 น.
กองทัพภาคที่ 2 เผย BM-21 มาตามนัด เริ่มมีปฏิบัติทางทหาร พื้นที่ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, และปราสาทตาควาย ชี้กัมพูชาจะถ่ายภาพทุกอย่าง เพื่อฟ้องชาวโลก สถานการณ์ในพื้นที่ยังติดพันการรบ
8 ธันวาคม 2568
17.46 น.
จังหวัดตราดสั่งอพยพประชาชน ในพื้นที่เสี่ยง อ.เมืองตราด อ.บ่อไร่ และ อ.คลองใหญ่ ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว
17.00 น.
กองทัพภาคที่ 1 เผย
กกล.บูรพา โดย ฉก.12 สามารถยึดควบคุมที่หมายบ้านไปรจัน ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อย วางแนวลวดหนามกำหนดเขตประเทศไทย
16.56 น.
กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งคืนนี้ กัมพูชาจะใช้จรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ทำการยิงเข้ามายังดินแดนไทย ยืนยันกองทัพจะยับยั้ง ป้องกัน และตอบโต้ภัยคุกคามนี้อย่างหนักหน่วงและเต็มขีดความสามารถ
13.47 น.
เริ่มแล้ว ทัพภาคที่ 1 สั่ง ‘กองกำลังบูรพา’ ยึดคืนพื้นที่อธิปไตยจังหวัดสระแก้ว หลังพบ กัมพูชา เคลื่อนอาวุธ-กำลัง ประชิดชายแดน คุกคามอธิปไตยไทย
วันนี้ (8 ธันวาคม) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจาก กองกำลังบูรพา เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพบว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เตรียมพร้อมรบสูงสุดตามแนวชายแดน ในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว มีการตรวจพบเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงอาวุธหนักเข้าที่มั่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเฝ้าติดตามฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งตลอดห้วงเช้าของวันนี้ ได้รับรายงานการเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของไทย รวมทั้งสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา
กองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา จึงเข้าปฏิบัติการทางทหารยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย บริเวณชายแดน จ.สระแก้ว ความคืบหน้าของสถานการณ์จะรายงานให้ทราบต่อไป
13.36 น.
ศาลกันทรลักษ์เลื่อนนัดทุกคดี 8 – 9 ธ.ค. 68 เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แนะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ติดต่อราชการแทนการเดินทางมาศาล
12.32 น.
นายกฯ ยืนยันไทยไม่ได้ริเริ่ม และพร้อมดำเนินการทุกมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ ขอประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลและศักยภาพของกองทัพไทย
10.58 น.
โฆษก ทบ. เผย เวลานี้เป้าหมายสูงสุดคือ ทำลายระบบอาวุธยิงสนับสนุนของกัมพูชา เพราะมีโอกาสกระทบทั้งกำลังทหารและพลเรือน ยืนยันการใช้กำลังของไทยเป็นไปตามกติกาสากล และสมเหตุสมผล
10.15 น.
กองกำลังบูรพา รายงานอพยพประชาชน จ.สระแก้วออกจากพื้นที่แล้ว ประมาณ 56% สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
08.45 น.
กองทัพอากาศส่ง F-16 ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทหารในกัมพูชา ย้ำใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล
วันนี้ (8 ธันวาคม) พลอากาศโทจักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการดำเนินการร่วมกับกองกำลังสุรนารี เพื่อตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศไทย รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และกำลังพลไทยที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในบริเวณดังกล่าว
กองทัพอากาศระบุว่า การประเมินข้อมูลทางยุทธการพบความเคลื่อนไหวของการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังรบ และการเตรียมการสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มอาจนำไปสู่การขยายวงของการปะทะทางทหาร และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย
จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศจึงใช้กำลังทางอากาศเพื่อยับยั้งและลดศักยภาพทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ โดยการปฏิบัติการกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการ และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมซึ่งถูกประเมินว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง
กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติภารกิจให้ความสำคัญสูงสุดต่อการหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ พร้อมดำเนินการตรวจสอบผลการโจมตีอย่างรอบคอบ เพื่อยืนยันว่าการใช้กำลังเป็นไปตามมาตรฐานสากล และไม่เกินขอบเขตของความจำเป็น
ทั้งนี้ กองทัพอากาศยืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติการบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

08.30 น.
ทภ.2 รายงานว่า กัมพูชาทำการยิงด้วย BM21 ลงพื้นที่บ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย บ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย
08.00 น.
ทบ.เผยไทยใช้อากาศยานตอบโต้ F-16 ตั้งเป้ายิงปืนใหญ่กัมพูชา หลังฐานอนุพงศ์ถูกถล่ม ทหารเสียชีวิต 1 เจ็บ 2
วันนี้ (8 ธันวาคม) เวลา 07.10 น. พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยเริ่มมีการใช้อากาศยาน กระทำต่อเป้าหมายคือที่ตั้งยิงอาวุธ สนับสนุนของฝ่าย กัมพูชา 3 พื้นที่เป้าหมาย บริเวณ ช่องอานม้า, ปราสาทคนา และเสาวิทยุพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร
เนื่องจาก เป้าหมายเหล่านั้น ได้มีการใช้อาวุธปืนใหญ่ และเครื่องบินลูกระเบิดกระทำต่อฝ่ายไทยที่บริเวณฐานอนุพงศ์ เป็นเหตุให้มีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บจำนวน 2 นาย
รายงานข่าวจากกองทัพอากาศเปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้ใช้เครื่องบิน F-16 ในการสนับสนุนภาคพื้น โดยเป้าหมายอยู่ที่ปืนใหญ่ฝั่งกัมพูชาที่ยิงเข้ามาฝั่งไทย ขณะนี้กำลังปฎิบัติภารกิจ
07.42 น.
รพ.กันทรลักษ์ประกาศงดให้บริการทุกกรณี เนื่องด้วยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ผู้ป่วยฉุกเฉินไปรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้เคียงจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

07.40 น.
ปภ.ส่ง Cell Broadcast แจ้งประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว (อ.ตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ คลองหาด)
07.00 น.
ที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
06.48 น.
กองทัพภาค 2 เผย กัมพูชาเปิดฉากยิงในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายไทยยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ สถานการณ์ในพื้นที่ยังติดพันการรบ
06.40 น.
ด่วน! นายกฯ ยกเลิกภารกิจลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการปะทะหลายจุด เรียกประชุมด่วนฝ่ายความมั่นคงเช้าวันนี้ที่ทำเนียบฯ
7 ธันวาคม 2568
20.00 น.
ทัพภาค 2 เผย เมื่อ 20.00 น. ‘กัมพูชา’ ได้ใช้อาวุธปืนเล็กยิงใส่ทหารไทย ที่ภูผาเหล็ก ศรีสะเกษ – ช่องบก อุบลฯ 10 นัด ‘ฝ่ายไทย’ ปลอดภัย พบกัมพูชา เคลื่อนย้าย จรวดหลายลำกล้อง RM 70 เข้าพื้นที่จอมกระสาน จ.พระวิหาร
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทย เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย ซึ่งปัจจุบันกำลังพลทั้ง 2 นาย ได้ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์
ขณะนี้แพทย์อยู่ระหว่างให้การดูแลอย่างใกล้ชิด จากการตรวจสอบบาดแผลขั้นต้นคาดว่า อาจถูกยิงโดยปืนซุ่มยิง
และเมื่อเวลา 20.00 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนเล็กยิงต่อกำลังพลของ พัน ร.13 ในพื้นที่ภูผาเหล็ก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จำนวน 10 นัด ฝ่ายเราปลอดภัย และตรวจพบการเคลื่อนย้าย จรวดหลายลำกล้อง RM 70 ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร รวมทั้งการอพยพ ประชาชนกัมพูชา ออกจากแนวชายแดน
กองทัพภาคที่ 2 จะดำเนินการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพิ่มระดับการเฝ้าระวัง และดำเนินการ ทุกมาตรการเพื่อปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มกำลัง
ขอความร่วมมือให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานทางการเป็นหลัก และขอยืนยันว่ากองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติภารกิจในการดูแลพื้นที่ชายแดนด้วยความรอบคอบ เข้มแข็ง มุ่งมั่นรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ
18.14 น.
อนุทินพร้อม รมว. กลาโหม จ่อบินด่วนลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) ติดตามหลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน
16.30 น.
นายกรัฐมนตรึสั่งการ ‘กองทัพ’ ปกป้องอธิปไตย ดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการผู้ว่าฯ อพยพ ประชาชน 4 จังหวัดชายแดน
สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
จากเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงในพื้นที่บริเวณ ภูผาเหล็ก – พลาญหินแปดก้อน ส่งผลให้กองทัพภาคที่ 2 จำเป็นต้องดำเนินการโต้ตอบ โดยเกิดการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง นั้น
“นายกรัฐมนตรีรับทราบและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กองทัพ ดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการอพยพไปยังที่ปลอดภัย และดำเนินการตามที่ได้ซักซ้อมไว้” สิริพงศ์ กล่าว
รัฐบาลขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน อำเภอแนวชายแดนของ 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ดำเนินการอพยพไปยัง ศูนย์พักพิงตามแผนอพยพประชาชน เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ หน่วยในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่การปะทะอาจขยายวงกว้าง
16.25 น.
กองทัพภาคที่ 2 ระบุ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ หน่วย พัน.ร.13 (ฉก.1) ที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ขาจากการปะทะกับทหาร กัมพูชา ‘ปลอดภัยแล้ว’
16.16 น.
กองทัพภาค 2 ขอให้ประชาชนตามแนวชายแดน บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อพยพไปยังศูนย์พักพิงเพื่อความปลอดภัย หลังเหตุปะทะภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน สถานการณ์ยังไม่แน่นอน

14.15 น.
ทหารไทย-กัมพูชาปะทะบริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน ศรีสะเกษ มีทหารบาดเจ็บ ก่อนสถานการณ์ยุติ
วันนี้ (7 ธันวาคม) กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์เหตุปะทะบริเวณภูผาเหล็ก – พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ โดยระบุว่า เวลา 14.15 น. หน่วยพัน.ร.13 (ฉก.1) ปะทะกับกำลังทหารกัมพูชาด้วยอาวุธปืนเล็ก ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ สิบเอก อนุชาติ เรือนคำ (ป.6 พัน.6) ถูกยิงบริเวณขา
ต่อมาในเวลา 14.16 น. มีการยิงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น
พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่เตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ และปฏิบัติตามกฎการปะทะอย่างเคร่งครัด
จนกระทั่งเวลา 14.50 น. การปะทะยุติลง หน่วยทหารในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาความพร้อมอย่างใกล้ชิด ก่อนลำเลียงผู้บาดเจ็บถึงพื้นที่ บก.โดนเอาว์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเวลา 14.53 น. เพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล
ทั้งนี้ มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 2 นาย ได้แก่
1.สิบเอก อนุชาติ เรือนคำ (ป.6 พัน.6) ถูกยิงบริเวณขา
2.พลทหาร พรชัย จำปาจุม (ร.6 พัน.3) ถูกยิงเข้าที่เสื้อเกราะบริเวณหน้าอก มีอาการฟกช้ำและแน่นหน้าอก
ขณะนี้ผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างการลำเลียงไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโดนเอาว์ และเตรียมส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ต่อไป


