บจ. ไทยมีกำไรจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 120% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 230% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากราคาน้ำมันที่กลับสู่ภาวะปกติและการรับมือโควิด-19 ดีขึ้น
โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน จากราคาน้ำมันที่กลับมาสู่ภาวะปกติ เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) ปรับลดการผลิต ประกอบกับ บจ. สามารถปรับตัวรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 727 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 756 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 549 บริษัท คิดเป็น 75.5% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ในไตรมาส 1 ปี 2564 บจ. มียอดขายรวม 2,937,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.92% และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81%
โดยสามารถพิจารณาผลประกอบการของกลุ่ม บจ. ได้ดังนี้
1. หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities) โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (Petrochemicals & Chemicals) มีรายได้ กำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยได้อานิสงส์จากการที่กลุ่มประเทศ OPEC ลดกำลังการผลิต ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น
และ 2. กลุ่ม บจ. อื่นๆ แม้ยอดขายทรงตัวจากโควิด-19 แต่มีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนการผลิตและการจัดการ จึงส่งผลทำให้ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ ไตรมาส 1 ปี 2564 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ระดับคงที่ที่ 1.53 เท่า
“ไตรมาส 1 ปี 2564 นี้สถานการณ์ของราคาน้ำมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีภาวะสงครามราคาน้ำมัน นอกจากนี้สำหรับ บจ. อื่นที่มีผลประกอบการดีและมีกำไรปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ หมวดธุรกิจการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยางพาราและน้ำมันปาล์ม หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหมวดธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดธุรกิจยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามในหมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่” แมนพงศ์กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม 45,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8% และมีกำไรสุทธิรวม 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3%
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ