วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล และผู้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สุราก้าวหน้า กล่าวแสดงความเห็นต่อกรณีที่มีข่าวว่าต้นเดือนมีนาคมนี้จะมีการขึ้นราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งสุราขาว สุราสี และเบียร์ ว่ามีโอกาสเป็นไปได้จริง เนื่องจากเห็นสัญญาณค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนตัวลง ทำให้ค่าชิปปิ้งสูงขึ้นกว่า 3 เท่า รวมถึงต้นทุนการผลิตอื่นมีราคานำเข้าสูงขึ้น เช่น มอลต์ ต้นทุนการผลิตจึงสูงขึ้นโอกาสที่ราคาขายจะแพงขึ้นจึงตามมา ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาขายของกลุ่มคราฟต์เบียร์ในอนาคตด้วย
“ขณะนี้ได้ยินข่าวว่าสุราขาวแจ้งขยับราคาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานราคาเหล้าสีและเบียร์ก็คงจะปรับขึ้นราคาตามมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการกักตุนสินค้ามาสต๊อกไว้ หรือการเริ่มขยับราคาสินค้าล่วงหน้า ปัญหาเหล่านี้รายใหญ่มักไม่ได้รับผลกระทบ หรือกระทบแค่ช่วงสั้นๆ จากการที่ผู้บริโภคอาจรู้สึกสิ้นเปลืองในช่วงแรก รวมถึงความกังวลต่อราคาสินค้าอื่นๆ ที่พาเหรดขึ้นราคาพร้อมกันเกือบทุกชนิด หากมองในมุมสุขภาพหรือความประหยัด หากใครจะใช้ช่วงจังหวะนี้ ลด ละ เลิก ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งซึ่งปฏิเสธได้ยากว่าสาเหตุของการดื่มแอลกอฮอล์มีมากมาย ไม่ว่าดื่มเพื่อผ่อนคลายเล็กๆ น้อยๆ ดื่มเพื่อเข้าสังคม หรือเหตุผลอื่นๆ ท้ายที่สุดก็จะมีการดื่มเกิดขึ้น ภาระจากเครื่องดื่มที่แพงขึ้นก็จะตกอยู่ที่ผู้บริโภค”
เท่าพิภพยังกล่าวอีกว่า หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าราคาเหล้า-เบียร์ที่จ่อขึ้นราคาระลอกนี้ ปัจจัยภายนอกมีผลอย่างยิ่งต่อการกำหนดราคา ทั้งที่หากสามารถส่งเสริมให้การผลิตภายในประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น จะทำให้มีเครื่องดื่มคุณภาพดี ราคาถูกลง และมีหลากหลายมากขึ้นในตลาดให้เลือก นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคแล้ว ยังจะเป็นการเติมเงินใส่กระเป๋าคนไทยด้วยกัน หรือเป็นโอกาสสร้างเศรษฐกิจใหม่มาพยุงสถานการณ์อันเนื่องมาจากปัจจัยภายนอกที่เราคุมไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปลดล็อกกฎหมายสรรพสามิต หรือผ่านร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกลโดยเร็วเท่านั้น
ทั้งนี้เท่าพิภพกล่าวด้วยว่า ในระยะใกล้กลุ่มผู้นำเข้าคราฟต์เบียร์อาจยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากวิกฤตโควิดทำให้หลายรายยังพอมีเบียร์สต๊อกอยู่ จึงอาจจะยังไม่ปรับราคาขึ้นเพราะจะทำให้ขายยาก แต่ถ้าต้องสั่งล็อตใหม่เข้ามาก็คงต้องปรับขึ้นตามราคา หมายความว่าโอกาสที่คนไทยจะมีโอกาสเลือกดื่มเบียร์ที่ไม่ใช่เบียร์เจ้าสัวลดน้อยลงไปอีก เพราะเป็นที่รู้กันว่าสาเหตุหนึ่งที่คราฟต์เบียร์นำเข้ามีราคาแพง แม้จะเป็นเบียร์ที่มีผู้ผลิตเป็นคนไทย ก็เพราะข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย ทำให้ต้องไปจ้างผลิตจากต่างประเทศ กัมพูชาบ้าง เวียดนามบ้าง แล้วนำเข้ามา ทำให้ต้องเสียภาษีนำเข้าจนทำให้คราฟต์เบียร์มีราคาแพง
“ที่ผ่านมาถึงคราฟต์เบียร์จะราคาสูง แต่ก็ยังพอหยิบมาดื่มเป็นตัวเลือกได้ แต่ถ้าราคาขยับขึ้นอีกในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ โอกาสที่จะเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคไทยก็คงลดลงและอาจต้องลาตลาดไปจนเหลือแต่เจ้าใหญ่สายป่านยาว แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าหากบ้านเราปลดล็อก ทลายข้อจำกัดต่างๆ ทางกฎหมาย เพื่อให้มีผู้ผลิตภายในประเทศตั้งแต่ต้นทาง อย่างมอลต์ ผมทราบว่าที่จริงเราก็มีการวิจัยสายพันธุ์ที่เหมาะกับการปลูกในบ้านเราได้ แต่เมื่อไม่มีตลาดผู้ผลิตเบียร์ภายใน การส่งเสริมตรงนี้อย่างจริงจังจึงไม่เกิดขึ้น ก็ต้องนำเข้าอย่างเดียว เช่นเดียวกับฮอป ขวด กระป๋อง หากเรามีผู้ผลิต เราจะสามารถทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายชนิดเชื่อมต่อกันเป็นซัพพลายเชน หรือแม้กระทั่งการต้มเบียร์เพื่อดื่มเองที่บ้านก็ยิ่งเป็นการประหยัด และควรเป็นสิทธิพื้นฐานที่เปิดให้ทุกคนทำได้จากวัตถุดิบที่สามารถหาในท้องถิ่น เมื่อต้นทุนต่างๆ ลดลง เวลาเกิดวิกฤตอะไรแบบนี้ก็คงกระทบไม่มากเท่าทุกวันนี้ และยังมีทางเลือกอีกมากมายให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ และมีความสุข” เท่าพิภพกล่าวในที่สุด
