เมสซีไม่มีสังกัด? ทำไมบาร์ซาถึงปล่อยให้สตาร์เบอร์หนึ่งที่อยู่กับทีม 21 ปี หมดสัญญา

วันนี้คือวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งในทางปฏิบัติของวงการฟุตบอลแล้วคือวันเริ่มต้นของปีใหม่ (ฤดูกาลใหม่) ถ้าเปรียบเป็นปฏิทินจีนก็คือวันมงคลฤกษ์งามยามดีที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ กัน ดังนั้นก็จะเป็นวันเริ่มต้นสัญญาของบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายที่มีการเซ็นสัญญากับสโมสรใหม่

เช่น อิบราฮิมา โกนาเต ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสชุดเล็กที่ลิเวอร์พูลคว้าตัวมาจากแอร์เบ ไลป์ซิก หรือ แพทสัน ดากา กองหน้าชาวแซมเบียที่เลสเตอร์ ซิตี้ได้ตัวมาจากเรดบูล ซาลซ์บูร์ก หรือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่หมดสัญญากับลิเวอร์พูลก็ได้เริ่มต้นใหม่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็ถือว่าได้เริ่มต้นกับสโมสรใหม่อย่างเป็นทางการ

แต่ไม่ได้มีแต่นักเตะที่เริ่มต้นใหม่ เพราะยังมีนักเตะอีกจำนวนไม่น้อยที่หมดเวลากับสโมสรเก่าและกลายเป็นผู้เล่นอิสระในเวลานี้ ซึ่งในกลุ่มนี้ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่จะสร้างความฮือฮาได้มากเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเบอร์หนึ่งของโลกที่เวลานี้กลายเป็นผู้เล่นอิสระ (Free Agent) อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สัญญากับบาร์เซโลนาหมดลงเมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน)

อะไรที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้และก้าวต่อไปของเมสซีอยู่ตรงไหน? จะยังอยู่กับบาร์ซาหรือจะไปสโมสรใหม่จริงๆ?

เมสซี บาร์ซา และมือที่ 3 ที่ชื่อว่าลาลีกา

ถึงแม้จะเคยประกาศชัดเจนว่าต้องการไปจากคัมป์นูเพื่อมองหาโอกาสใหม่ในชีวิตและคิดว่าถึงเวลาที่บาร์ซาจะได้เริ่มต้นใหม่ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าปัญหาที่ทำให้เมสซีไม่อยากอยู่กับบาร์ซาคือ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรที่เป็นปรปักษ์กัน

เมื่อบาร์โตเมวถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่งประธานสโมสรไปเมื่อเดือนตุลาคมปีกลาย และเป็น โจน ลาปอร์ตา อดีตประธานสโมสรเก่าที่กลับมาขออาสากอบกู้ทีมที่อยู่ในสภาวะวิกฤตอีกครั้ง ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองทำให้มีการเจรจาที่จะเปลี่ยนใจเมสซีใหม่

สิ่งที่น่าสนใจคือทั้งสองฝ่ายดูมีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจกัน ทางด้านลาปอร์ตาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้ดาวเตะวัย 34 ปี อยู่กับสโมสรต่อไปเหมือนเดิม แต่ไม่ได้มีท่าทีเร่งรัดในการเจรจาให้เกิดความอึดอัดหรือขุ่นข้องหมองใจ ส่วนฟากเมสซีเองก็ช่วยหาทางออกให้สโมสรด้วยการปรับลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงให้มากพอเท่าที่จะทำให้สโมสรที่เป็นหนี้สินกว่าพันล้านยูโรอยู่ได้ด้วย

โดยช่วงเวลาที่ผ่านมามีกระแสข่าวความคืบหน้าใน ‘เชิงบวก’ มาโดยตลอด รวมถึงในวันพุธที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่มีข่าวทางสถานีวิทยุ CatRadio ของบาร์เซโลนาว่าเมสซีจะต่อสัญญากับบาร์ซาเป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน โดย 2 ปี ในฐานะผู้เล่น และอีก 3 ปี ในฐานะทูตของสโมสรประจำสหรัฐอเมริกา

แต่สุดท้ายก็ไม่มีการต่อสัญญาอย่างเป็นทางการจนสัญญาของเมสซีหมดลง

สิ่งที่เป็นปัญหาของการเจรจาในเวลานี้ตามการเปิดเผยของ กีเยม บาลาเก นักวิเคราะห์ฟุตบอลสเปนชื่อดังระบุว่าไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องของสองฝ่าย แต่ยังมีมือที่ 3 อย่างลาลีกาที่ทำให้การเจรจายุ่งยากมากขึ้น

“บาร์ซาพยายามจะเร่งหาทางออกโดยเร็วแต่มีเรื่องที่ยังต้องเจรจาและตอนนี้คาดว่าจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในวันนี้ (1 กรกฎาคม)” บาลาเกเผย

“พวกเขาอยากให้เมสซีเซ็นสัญญาโดยเร็วที่สุด แต่กรอบระยะเวลาถูกกำหนดโดยการหาทางออกในรายละเอียดต่างๆ ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เช่น เรื่องของภาษี เรื่องของค่าเหนื่อย และเรื่องการที่ทำให้สัญญาของเมสซีนั้นจะเข้ากับกฎ Financial Fair Play ของลาลีกาด้วย เพราะถ้าจะเก็บเมสซีไว้ สโมสรจะต้องลดเพดานค่าเหนื่อยลงอีกราว 200 ล้านยูโร”

ประเด็นเรื่องกฎของลาลีกาคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ เพียงแต่บาร์ซาและเมสซีมี ‘สัญญาใจ’ กันว่าตอนนี้จะไม่มีการเจรจากับสโมสรอื่นก่อน

เมสซีในสีเสื้อทีมอื่น?

สิ่งที่น่าสนใจต่อไปในกรณีที่ไม่มีใครคาดฝันคือหากสุดท้ายแล้วบาร์ซาไม่สามารถตกลงกับเมสซีได้จริงๆ จะทำอย่างไร?

ทุกสโมสรในโลกไม่มีใครที่ไม่อยากได้เมสซี แต่สุดท้ายก็จะเหลือสโมสรไม่กี่แห่งที่มีพลังมากพอและมีแรงดึงดูดในเรื่องของความท้าทายและความสำเร็จมากพอ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังคงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ทิศทางข่าวว่านอกจากเมสซีแล้วจะมีการเสริมทัพขนานใหญ่โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด และ พอล ป็อกบา รวมอยู่ด้วย (และได้ อัชราฟ ฮาคิมี แบ็กขวาตัวรุกที่บุกดีที่สุดคนหนึ่งของโลกมาจากอินเตอร์ มิลานเรียบร้อยแล้ว)

ถึงทิศทางข่าวและความรู้สึกแล้วเชื่อว่าลาปอร์ตาจะหาทางออกได้ (แม้จะหมายถึงการที่สโมสรต้องลดค่าเหนื่อยหรือขายผู้เล่นระดับสตาร์บางรายออกมาก็ตาม)

แต่โลกใบนี้โดยเฉพาะยุคโควิดนี้เราได้เห็นแล้วว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้