การค้าขายออนไลน์นั้นเติบโตขึ้นในเมืองไทยในช่วงไม่กี่ปีต่อเนื่องมานี้เป็นอย่างมาก แถมยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางช่องทางการขายทั้งที่เป็น E-Marketplace และ Social Commerce ที่มีอยู่มากมายนั้นหากพูดถึงแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่โดดเด่นทรงพลังที่สุด ตอบโจทย์ทั้งคนซื้อและคนขายจนเรียกได้ว่าเป็น ‘Social Commerce ที่สร้างมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ’ THE STANDARD คงต้องขอยกตำแหน่งนี้ให้กับ #LINESHOPPING อย่างไม่มีข้อสงสัย
ด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาจับจ่ายออนไลน์กันมากขึ้นตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้การแข่งขันนับวันยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ประกอบการเจ้ายักษ์ใหญ่ที่มีแต้มต่อนั้นมักกระหน่ำจัดโปรโมชันมุ่งแข่งขันกันที่เรื่องของราคาเป็นหลัก เช่น โปรโมชันดับเบิลเดย์ต่างๆ เน้นแข่งกันที่ความถูกของราคาเพียงอย่างเดียว ซึ่งการแข่งขันที่เปรียบเสมือน ‘สงครามราคา’ เช่นนี้ถือเป็น Pain Point อย่างหนึ่งที่ผู้ค้า SMEs รายย่อยไม่สามารถแข่งขันด้วยการตัดราคาได้
ประกอบกับวงจรการขายของออนไลน์ในแบบเดิมๆ ที่มักสร้างฐานให้ลูกค้ารู้จักผ่านทาง Social Media เช่น Facebook หรือ IG เมื่ออยากจะขายของก็ต้องเสียเงินยิงโฆษณาเพื่อให้คนมาสั่งซื้อสินค้าใน E-Marketplace เพราะมีระบบสำหรับการซื้อขายออนไลน์ แต่กลับเก็บฐานลูกค้าเอาไว้ไม่ได้ เรียกได้ว่ามีขั้นตอนเยอะ แถมแต่ละขั้นตอนก็ยังต้องใช้เงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการไปโดยปริยาย ทำให้ความสามารถในการแข่งขันเรื่องราคานั้นยิ่งลดลง
นอกจากนี้ แม้ E-Marketplace จะมีข้อดีอยู่ตรงที่เป็นศูนย์รวมของลูกค้าจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการก็ยังต้องจ่ายค่า GP ที่นับวันจะปรับค่า GP สูงขึ้นเรื่อยๆ และการแสดงสินค้าของร้านค้าก็ไม่สามารถทำได้อย่างโดดเด่น เพราะต้องโดนนำไปแสดงเปรียบเทียบกับสินค้าของร้านอื่นๆ จึงทำให้ลูกค้าที่จะซื้อสินค้ายังมีโอกาสเปลี่ยนใจไปซื้อของเจ้าอื่นได้อีก
LINE SHOPPING ยกระดับการขายบน Social Commerce ให้ทรงพลัง
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดออนไลน์ของไทยทั้งหมดอยู่ที่ 270,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก E-Marketplace & Brand Website 38 เปอร์เซ็นต์ และ Social Commerce อยู่ 62 เปอร์เซ็นต์ จึงสามารถกล่าวได้ว่า ‘ตลาดออนไลน์ของไทยนั้นความสำคัญอยู่ที่ Social Commerce ซึ่งกินส่วนแบ่งตลาดเป็นหลัก’ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะช่องทาง Social Commerce นั้นเข้ากับจริตนักช้อปชาวไทย ด้วยความที่คนไทยเราส่วนใหญ่นั้นคุ้นชินกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ขาย ชอบแชตสอบถามรายละเอียดจากร้านค้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะได้สินค้าตรงความต้องการก่อนตัดสินใจซื้อ ช่องทาง Social Commerce จึงไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้การช้อปของผู้ซื้อง่ายขึ้น แต่สำหรับผู้ขายแล้วยังช่วยให้ปิดการขายได้ไว นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ LINE SHOPPING ได้รับการตอบรับอย่างสูง ดูได้จากยอดการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในช่วงเริ่มเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของโควิด จนปัจจุบันมีจำนวนร้านค้ามาใช้ LINE SHOPPING มากกว่า 370,000 ร้านค้า ทั้งยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ อีกด้วย
เข้าใจคนขาย ได้ใจคนซื้อ: ถอดรหัสความสำเร็จของ LINE SHOPPING
จากความสำเร็จของ LINE SHOPPING ในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จนล่าสุดมีร้านค้ารวมกว่า 370,000 ร้านค้า เราพอจะสรุปได้ว่านอกจาก LINE จะเป็น Chat App อันดับหนึ่งที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อผู้ใช้งาน อันเป็นที่มาของการพัฒนาออกแบบให้ LINE SHOPPING นั้นพรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายชาวไทย รวมถึงช่วยจัดการกับปัญหา Pain Point ต่างๆ ของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โดยมีจุดเด่นข้อดีต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ช่วยในเรื่องการ Build Chat & Shop เพราะ LINE SHOPPING มีระบบหลังบ้านฟรีที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถจัดการขายผ่านแชตได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นระบบการออกออร์เดอร์ผ่านแชต รวมบิลให้ลูกค้ากดซื้อได้เอง หรือส่ง Notification อัปเดตสเตตัสของสินค้าได้เลยผ่านแชต รวมถึงมีระบบจัดการหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการออร์เดอร์ การจัดการสต๊อก เชื่อมต่อกับช่องทางการชำระเงินบัตรเดบิต บัตรเครดิต สร้างประสบการณ์การซื้อที่ดีมากขึ้น แถมระบบก็ง่าย แม้เป็นแม่ค้าหรือมือใหม่ก็เริ่มจาก 0 ได้
- ช่วย Build Brand ได้อย่างเห็นผล เนื่องจาก LINE SHOPPING เป็นเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับ LINE Official Account (LINE OA) จึงทำให้มีลูกเล่นของ Interface ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ Rich Message, Rich VDO หรือแม้แต่ Rich Menu ที่ช่วยร้านค้าสามารถสร้างความโดดเด่นของร้านค้าและสินค้า ซึ่งช่วยในเรื่องของการสร้าง Branding ทำให้ร้านค้าสามารถแสดงตัวตนได้อย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับ Interface ของ E-Marketplace ที่อาจจะไม่มีลูกเล่นมากนัก จึงทำให้ต้องเน้นแข่งขันกันด้วยราคา
ช่วย Build Fanbase มีเครื่องมือช่วยสะสมฐานแฟนได้ด้วยตัวเองใน LINE OA เช่น ถ้าลูกค้ากดซื้อสินค้าผ่าน LINE SHOPPING แม้จะยังไม่เป็นเพื่อนใน LINE OA ระบบก็จะ Auto Add ให้อัตโนมัติ เน้นรักษาลูกค้าเก่าเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มในการหาลูกค้าใหม่ตลอด และสามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ด้วยการติด Tag ลูกค้า หรือการแยกประเภทลูกค้าแบบอัตโนมัติจากระบบหลังบ้าน เพื่อให้ร้านค้าสามารถจัดการสื่อสารและยิงโฆษณาไปหากลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่ม ช่วยให้สร้าง Loyalty กับลูกค้าและการซื้อซ้ำได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ช่วย Build Sale โปรโมชันจริงใจด้วย FREE Benefits ให้ร้านค้าซึ่ง LINE SHOPPING มีสนับสนุนตลอดทั้งปี เช่น แจก LINE POINTS (1 LINE POINT = 1 บาท) หรือคูปอง LINE MAN ให้ลูกค้าของร้านค้า โดยร้านค้าไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายเลย เหมือนโปรโมชันร้านของตัวเอง ช่วยให้ร้านค้าปิดการขายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- นอกจากนี้ จุดที่สำคัญมากๆ ที่ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้า SMEs ไทยคือ LINE SHOPPING ใช้งานฟรี ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการขาย หรือค่า GP เพราะต้องการช่วยผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้เลยว่า LINE SHOPPING มีความเข้าใจตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์ พฤติกรรม และความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ขายชาวไทยได้มากจริงๆ ด้วยความที่เข้าใจคนขาย ได้ใจคนซื้อเช่นนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้เป็นโซลูชันสำหรับ Social Commerce ที่แตกต่างอย่างทรงพลัง จนประสบความสำเร็จได้ก้าวกระโดดถึงเพียงนี้
- การขายสินค้าด้วย LINE SHOPPING ทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่มี LINE OA และกดเชื่อมต่อเครื่องมือ MyShop และไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมัครเพิ่มใดๆ ก็สามารถที่จะใช้งานได้
- สมัครและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ LINE SHOPPING ได้ทาง https://lin.ee/rcO8ydQ
- เรียนรู้การเปิดร้านภายใน 4 ขั้นตอนง่ายๆ ผ่านมือถือ https://www.youtube.com/watch?v=FrNOz2qZcxc&t=3s
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมสำหรับ LINE SHOPPING ได้ที่ LINE OA @linemyshop
#SocialCommerceที่สร้างมาเพื่อคนไทย
ค้าขายร่ำรวย ตัวช่วยจัดเต็ม ที่ LINE SHOPPING