Hello, My Name is Paul Smith คือนิทรรศการหมุนเวียนของ The Design Museum แห่งลอนดอนที่เดินทางไปจัดแสดงมาแล้ว 4 ประเทศ ตั้งแต่อังกฤษ เบลเยียม สกอตแลนด์ ญี่ปุ่น และล่าสุดคือที่ไต้หวัน กลางกรุงไทเป ณ Huashan 1914 Creative Park ที่นำข้าวของเครื่องใช้และผลงานของพอล สมิธ กว่า 42 ชุด ภาพอีก 540 ภาพ กระดุมอีกกว่า 70,000 เม็ด และรถยนต์อีก 1 คัน มาจัดแสดงบนพื้นที่โกดังขนาดราว 600 ตารางเมตร
ใครคือเซอร์พอล
นอกจากโลกจะมีเซอร์พอล แม็กคาร์ตนีย์ แล้ว เรายังมีเซอร์พอล สมิธ อีกด้วย
พอล สมิธ คือหนึ่งในหัวเรือใหญ่ของวงการดีไซน์แห่งเกาะอังกฤษในปัจจุบันนี้ ด้วยชีวิตที่เริ่มต้นจากความฝันจะเป็นนักแข่งจักรยานมืออาชีพ แต่กลับประสบอุบัติเหตุจนร่างกายไม่อาจเป็นนักกีฬาได้อีก ชีวิตของเขาพลิกผันไปสู่โรงเรียนสอนตัดเย็บ และหันหน้าเข้าสู่วงการแฟชั่นในที่สุด
พอลเริ่มชีวิตดีไซเนอร์จากการเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าบุรุษขนาดเพียง 3×3 เมตรในย่านนอตติงแฮม ทั้งยังเคยจัดแสดงคอลเล็กชันเสื้อผ้าที่มีแค่เสื้อเชิ้ต 6 ตัว เสื้อยืด 2 ตัว และสูทอีก 2 ชุด บนอพาร์ตเมนต์ของเพื่อน ซึ่งมีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อแค่คนเดียว จนทุกวันนี้ร้าน Paul Smith มีสาขามากกว่า 300 ร้านทั่วโลก ทั้งยังเคย collaborate กับแบรนด์สินค้าอีกมาก ทั้งรถยนต์ หนังสือ ปากกา วิทยุ โมเดลไวนิล ไปจนถึงจักรยานที่พอลรักแสนรัก นั่นทำให้เรื่องราวชีวิตของเขามีพลังคุ้มค่าจะเดินทางไปชม
สวัสดีพอล สมิธ
เมื่อเราเดินลอดคานประตูโกดังที่จัดนิทรรศการเข้าไป ที่นี่ก็ต้อนรับเราด้วยกำแพงที่เต็มไปด้วยผลงานทั้งภาพวาดและภาพถ่ายของศิลปินจำนวนมากที่เซอร์พอล สมิธ เก็บสะสมไว้เป็นคอลเล็กชันตั้งแต่ปี 1990 มีตั้งแต่งานของศิลปินชื่อดังอย่างแอนดี้ วอร์ฮอล แบงก์ซี ไปจนถึงศิลปินนิรนามที่ส่งผลงานไปให้พอลถึงบ้านโดยไม่บอกชื่อผู้ส่ง
ความพิเศษของนิทรรศการนี้คือการจำลองสภาพแวดล้อมของชีวิตพอล สมิธ ให้เราได้เห็น ทั้งโซนนิทรรศการขนาดเล็ก 3×3 เมตรที่เล่าเรื่องราวช็อปแห่งแรกของพอล หรือโต๊ะทำงานที่รกเรื้อแต่มีสไตล์ที่แสดงให้เห็นความสนุก ขี้เล่น และไอเดียแสนบรรเจิดที่โลดแล่นอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้
ไฮไลต์อีกชิ้นคือ Inside Paul’s Head ห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยจอโทรทัศน์ซึ่งฉายภาพวัตถุทั่วๆ ไปที่เราเห็นกันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นกระดุม แท่งเหล็ก คนเดินตามถนน ฯลฯ เพื่อจำลองการคิดงานของพอล สมิธ ที่มักได้แรงบันดาลใจจากภาพที่เห็นที่อาจสะดุดตาด้วยเส้นสาย แพตเทิร์น หรือคู่สีที่น่าสนใจ
โซนต่อมาคือกำแพงที่นำวัสดุของช็อป Paul Smith แต่ละสาขาในหลากหลายประเทศมาจัดวางให้ดู ด้วยความขี้เบื่อของพอล ทำให้ช็อปของ Paul Smith แต่ละแห่งต่างก็ตกแต่งด้วยวัสดุต่างกันไป และสร้างคาแรกเตอร์ของตัวเอง อาทิ สาขาซังโจ เกียวโต ก็ตกแต่งด้วยแผ่นเหล็กและประตูกระดาษแบบญี่ปุ่น สาขาปารีส ก็เป็นพื้นไม้และสีที่เคร่งขรึม สาขาแอลเอ ก็ทาผนังเป็นสีชมพูที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
และที่จัดวางอยู่กลางห้องคือหนึ่งในงาน collaborate ที่โด่งดังมากของ Paul Smith คือกับรถมินิ ที่ใส่แถบสีแบบพอลๆ เข้าไปจนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในนิทรรศการที่ไทเปนี้ก็มีรถมินิคันใหญ่ที่พอล สมิธ ดีไซน์แถบสีมาใหม่เพื่อจัดแสดงที่นี่โดยเฉพาะ
จัดแสดงที่ไหน เมื่อไร
นิทรรศการ Hello, My Name is Paul Smith จะปักหลักอยู่ที่ Huashan 1914 Creative Space ใกล้รถไฟใต้ดินสถานี Zhongxiao Xinsheng กลางกรุงไทเป ไต้หวัน ถึงวันที่ 3 กันยายนนี้ ราคาค่าเข้าเพียงคนละ 250 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 280 บาทไทยเท่านั้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/hellopaulsmith
- พอล สมิธ มักจะบันทึกไอเดียไว้ด้วยกล้องถ่ายรูป และการจดโน้ตลงในสมุด เพราะไม่ถนัดสเกตช์ภาพ
- ‘Classic with a Twist.’ คือมอตโตการทำงานของพอล สมิธ ที่เห็นได้จากผลงานที่จัดแสดง งานคอลเล็กชันของ Paul Smith ล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าดีไซน์คลาสสิก เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่เก๋ไก๋ด้วยสีที่เตะตา เนื้อผ้าที่แหวกแนว เช่นสูทผู้ชายแบบคลาสสิกแต่สีม่วงทั้งตัว บางครั้งก็ซ่อนรายละเอียดเปรี้ยวๆ ไว้แบบรู้แล้วจะดูเท่ เช่น สูทเรียบสีเทา แต่ซ่อนแถบสีแสบสดใสไว้ที่ผ้าซับด้านใน หรือบ้างก็ซ่อนสีจี๊ดๆ ไว้ที่รังดุม เป็นต้น