การอยู่อาศัยในรูปแบบ Vertical Living ทางเลือกใหม่ของครอบครัวใหญ่ที่อยากอยู่ในเมือง
ในวันที่เมืองมีการขยายตัวขึ้นทุกวันและที่ดินกลับเล็กลงเรื่อยๆ การอยู่อาศัยแบบ ‘ครอบครัวใหญ่ใจกลางเมือง’ จึงดูเหมือนเป็นภาพในฝันมากกว่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะความเป็นจริงแล้วการจะหาบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่พอให้หลายเจเนอเรชันอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องย้ายออกไปชานเมืองหรือปรับลดขนาดครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ดินมีราคาสูงและมีจำกัดอย่างกรุงเทพฯ แต่นี่แหละคือที่มาของแนวคิด Vertical Living on Ground คำว่า ‘Vertical Living’ ในที่นี้ไม่ใช่แค่การอยู่คอนโดสูงๆ หรือทาวน์โฮมแบบทั่วไป แต่คือการออกแบบบ้านที่แบ่งฟังก์ชันการใช้งานตามชั้น เพื่อให้พื้นที่ถูกใช้ได้อย่าง Efficient Vertical โดยยังเก็บความรู้สึก ‘อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว’ ไว้ได้อย่างครบถ้วน
ทำไมบ้านสไตล์ Vertical Living จึงตอบโจทย์ครอบครัวไทยยุคนี้
ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าครอบครัวไทยจำนวนไม่น้อยยังคงมีลักษณะเป็นครอบครัวใหญ่ คืออยู่อาศัยกันทั้งพ่อ แม่ ลูก และบางทีก็รวมถึงปู่ ย่า ตา ยาย ที่อยากอยู่ด้วยกัน เพราะความอบอุ่นและการดูแลกันเป็นสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมเรา แต่ในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ก็ยังอยากอยู่ในเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ใกล้ที่ทำงาน โรงเรียน หรือแหล่งไลฟ์สไตล์ แต่ด้วยราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี การจะหาบ้านแนวราบขนาดใหญ่ในทำเลเมืองก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ การอยู่อาศัยแนวตั้งจึงกลายเป็นคำตอบที่สมดุลระหว่างความต้องการและข้อจำกัดไม่ว่าจะเป็น การใช้พื้นที่แบบ Vertical Living ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การจัดแบ่งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวมอย่างมีระบบ และการออกแบบที่เอื้อให้แต่ละเจเนอเรชันมีพื้นที่ของตัวเอง แต่ยังเชื่อมโยงกันได้เสมอ
ถ้าจะอยู่บ้านสไตล์ Vertical Living ควรออกแบบพื้นที่อย่างไร
บ้านแบบ Vertical Living ที่ดีไม่ใช่แค่การสร้างบ้านหลายชั้นเท่านั้น แต่คือการวางแผนพื้นที่ให้ตอบสนองกับพฤติกรรมของคนในบ้านอย่างแท้จริง
- ชั้นล่างเป็นพื้นที่รับรองของแขกที่ถูกแบ่งการใช้งานเพื่อความเป็นส่วนตัว เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ครัว พื้นที่สำหรับสังสรรค์
- ชั้นกลางอาจเป็นพื้นที่ส่วนกลางและห้องนอน เพื่อเป็นพื้นที่ศูนย์รวมของคนในบ้านและห้องนอนของผู้สูงวัยหรือห้องเด็กให้อยู่ในจุดที่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องเดินขึ้นลงมาก
- ชั้นบนสุดอาจเป็นโซนของพ่อแม่หรือพื้นที่ทำงานเงียบๆ พร้อมวิวที่เปิดโล่ง
นอกจากนี้หากออกแบบให้พื้นที่สีเขียวหรือสวนเล็กๆ แทรกอยู่ตามแต่ละชั้น ก็จะช่วยให้บ้านแนวตั้งดูไม่ทึบตันจนเกินไป และยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก
ตัวอย่างแนวคิดบ้านสไตล์ Vertical Living จาก BAAN KLANG KRUNG โดย AP
หนึ่งในโครงการที่หยิบเอาแนวคิดบ้านแบบ Vertical Living มาพัฒนาอย่างจริงจังและมีสไตล์คือ BAAN KLANG KRUNG สาธุประดิษฐ์ 57 บ้านหรูที่ตั้งอยู่บนทำเลใกล้เมือง ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวใหญ่ได้อย่างครบถ้วน โครงการนี้จัดวางพื้นที่แบบ Vertical Living อย่างชาญฉลาด แยกฟังก์ชันแต่ละชั้นให้เป็นสัดส่วน พร้อมแทรกสวนเล็กๆ ไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้สัมผัสธรรมชาติแม้อยู่กลางเมือง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://apth.ly/m1vh
[Content in Partnership with AP]