×

ใช่เธอหรือไม่? ที่ต้องพลาดโอกาสในชีวิตเพราะเข้าสังคมไม่เก่ง

06.10.2023
  • LOADING...
โอกาสในชีวิต

ในบรรยากาศการทำงานที่ไม่ได้อาศัยเพียงความสามารถในการเติบโตและประสบความสำเร็จ การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมไม่ว่าจะเพื่อการทำงานร่วมกันเป็นทีม การได้รับความช่วยเหลือด้านจิตใจจากการได้มีพื้นที่บ่นระบาย การได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนทางสังคมทั้งในและนอกองค์กร ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้แต่ละวันในการทำงานมีความราบเรียบและลื่นไหล

 

แต่ไม่ใช่กับทุกคนที่จะคิดและรู้สึกดีกับปรากฏการณ์ทางสังคมเช่นนี้ โดยมีเหตุมาจากข้อจำกัดบางอย่างทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น ‘ความสามารถทางสังคม’ ‘ความสนใจทางสังคม’ หรือแม้แต่ ‘ความรู้สึกกังวลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม’ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจและรบกวนประสิทธิภาพในการทำงาน แล้วถ้าเป็นคนที่เข้าสังคมไม่เก่งแบบนี้จะมีโอกาสดีๆ ในชีวิตได้เหมือนคนอื่นหรือไม่? จะต้องรับมือหรือปรับมายด์เซ็ต รวมถึงปรับตัวอย่างไร เราจะไปไขข้อข้องใจนี้ไปพร้อมๆ กัน

 

ความสามารถทางสังคมหมายถึงทักษะในการเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นตามสถานการณ์ที่เหมาะสม มีความสามารถในการยืดหยุ่น ปรับตัวต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา สถานที่ และบุคคล ส่งผลต่อการสื่อสารและแสดงออกอย่างเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นโดยภาพรวม ซึ่งความสามารถทางสังคมอาจไม่มีการวัดระดับความสามารถอย่างชี้ชัด แต่เป็นทักษะที่ประเมินได้จากภาพรวมที่บุคคลนั้นมีความสามารถในการเข้ากันได้กับบุคคลอื่นในสังคมที่ตนกำลังอาศัยอยู่

 

ความสนใจทางสังคมหมายถึงประเด็นที่เรากำลังให้ความสนใจ อาจเป็นได้ทั้งความสนใจเดียวกับสิ่งที่กำลังเกิดเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมอยู่ในขณะนั้น หรืออาจเป็นความสนใจเฉพาะส่วนบุคคลที่อาจเข้ากันได้หรือแตกต่างจากคนอื่นๆ ทางสังคม นอกจากนี้ความสนใจทางสังคมยังเป็นสิ่งบ่งบอกถึงระดับการให้ความสนใจต่อสังคมในระดับมาก โดยอาจแสดงออกเป็นการเข้าสังคมสม่ำเสมอ สังสรรค์ตามเทศกาล พูดคุยหรือเล่าเรื่องตนเองได้อย่างเปิดเผย ตรงข้ามกับคนที่มีความสนใจทางสังคมระดับน้อย  ซึ่งอาจมีการหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมที่มีผู้คนจำนวนมาก ปฏิสัมพันธ์ตามความจำเป็น พูดคุยกับผู้คนในวงจำกัด

 

ความกังวลทางสังคมหมายถึงความรู้สึกกังวลใจในการมีปฏิสัมพันธ์และเป็นส่วนหนึ่งทางสังคม มักมีความคิดเกี่ยวกับความน่าอับอาย การกระทำที่ผิดพลาด หรือมุมมองความคิดที่คนอื่นมีต่อตนเองและหยุดความคิดได้ยาก ทำให้เกิดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งหลีกเลี่ยงที่จะเป็นจุดสนใจ

 

ทั้งสามปัจจัยนี้มีความละเอียดซับซ้อนและไม่อาจตัดสินได้จากการสังเกตการแสดงออกเพียงชั่วขณะ เพราะต้องทำความเข้าใจลึกซึ้งถึงเรื่องราวทางสังคมในอดีต ความคิดต่อสถานการณ์ทางสังคมที่กำลังจะเผชิญ และความรู้สึกเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องราวทางสังคม โดยปัจจัยทั้งสามอย่างนี้อาจเป็นตัวกระตุ้นซึ่งกันและกัน เช่น คนที่ขาดความสามารถในการสื่อสารทางสังคมมักกังวลเมื่อต้องเจอกับผู้คนแปลกหน้า หรือแม้แต่มีความรู้สึกอึดอัดใจกับผู้ที่สนใจเฉพาะเมื่อต้องพูดคุยข่าวสารบ้านเมืองที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา

 

แต่เมื่อมีโจทย์สำคัญว่าความสำเร็จในชีวิตของเรานั้นต้องอาศัยการมีผู้คนอื่นเข้ามาร่วมด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลงสนามทางสังคมโดยอาจเริ่มต้นได้จากแนวทางดังต่อไปนี้

 

  1. สังเกตความสนใจของคนรอบตัว โดยเริ่มจากการลดพื้นที่ของความสนใจส่วนตัว เช่น ถอดหูฟังเพื่อเปิดโอกาสให้ตนได้เข้าใจสิ่งที่เพื่อนร่วมงานพูดคุยกันในช่วงพักกลางวัน จดจำสิ่งที่คนรอบข้างให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เช่น เสื้อทีมฟุตบอลที่กลุ่มเพื่อนผู้ชายมักสวมใส่หรือชานมไข่มุกแบรนด์ที่เพื่อร่วมงานหญิงดื่มเป็นประจำในช่วงบ่าย เพื่อนำสิ่งนี้มาเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพูดคุย โดยจำลองการสื่อสารทางสังคมคล้ายจิ๊กซอว์ที่มีบางส่วนยื่นออกไปในความสนใจของคนรอบข้าง และมีบางส่วนเว้าเข้าเพื่อเปิดรับให้ผู้คนในสังคมได้เข้ามาพอประมาณโดยรูปร่างหลักของจิ๊กซอว์ยังคงอยู่

 

  1. เผชิญสถานการณ์ทางสังคมตามลำดับ โดยเริ่มจากสิ่งที่สำคัญจำเป็น เช่น การแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพในการประชุมประจำเดือน ไปสู่สังคมประจำวันที่จะทำให้เกิดความผูกพันอันดี เช่น การร่วมยินดีที่เพื่อนร่วมงานคลอดบุตร หรือสังสรรค์ในวันสิ้นเดือนตามโอกาส โดยหาจังหวะในการขอเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่ารั้งรอให้ได้รับคำชวน

 

  1. สื่อสารสองทาง ผ่านการตั้งคำถามและการรับฟังมากกว่าการเป็นผู้ฟังหรือผู้เล่าเพียงด้านเดียว โดยอาจเริ่มจากสังคมตามความสนใจเพราะง่ายที่จะเข้าใจเนื้อหา และค่อยๆ ขยับตนเองไปสู่เรื่องราวที่เชื่อมโยงกับความสนใจเดิมไปสู่ความสนใจใหม่ๆ

 

  1. ตรวจสอบในขณะที่รู้สึกกังวลว่ามีสิ่งใดในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เพราะหัวใจที่เต้นแรง มือและเสียงที่สั่นเครืออาจเป็นอุปสรรคในการสื่อสาร การฝึกหายใจและการผ่อนคลายร่างกายช่วยให้การสื่อสารมีแนวโน้มลื่นไหลได้มากขึ้น

 

  1. ตรวจสอบว่ามีความคิดใดเป็นต้นเหตุของความกังวลและไม่สบายใจ โดยตั้งคำถามกับตนเองว่า ‘สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นคืออะไร’ และจะคุ้มค่าแค่ไหนถ้าเราได้ลองเผชิญกับเรื่องแย่ๆ ในความคิดนั้นอย่างเป็นลำดับ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ตนได้รับโอกาสทางสังคม โดยเริ่มจากสังคมที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และตนให้ความสนใจ ไปสู่สังคมที่มีความยากและน่าสนใจน้อยตามมุมมองของคนคนนั้น

 

  1. สถานการณ์ทางสังคมเป็นสิ่งซับซ้อนและเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้ที่ไม่ถนัด ขาดความสนใจ หรือมีความกังวลทางสังคม อาจมีความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ต้องฝึกฝนตนเองเพื่อมุ่งไปสู่โอกาสและความสำเร็จ ดังนั้นการพักผ่อนและให้เวลากับโลกส่วนตัวของตนเอง หรือการมีรางวัลเล็กน้อยเพื่อยืนยันความสำเร็จและความพึงพอใจในการเผชิญสถานการณ์ทางสังคมเป็นสิ่งเหมาะสมที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงของการทำงานกับตนเอง

 

  1. หากเราสังเกตได้ว่ามีเพื่อนๆ รอบตัวกำลังมีสีหน้ากังวล กระสับกระส่าย เหนื่อยหรือถอนหายใจได้ง่ายเมื่อต้องพูดคุยกับผู้คน โปรดให้โอกาสแก่เขาเหล่านั้นที่กำลังเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่ง่ายในการพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะการตัดสินใจช่วยประคับประคองจิตใจอาจเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนมุมมองต่อความหวาดหวั่นทางสังคม ส่งเสริมให้เขาผู้นั้นเกิดความรู้สึกคลายใจและค่อยๆ ดึงเอาความสามารถและความสนใจทางสังคมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่องานและความสัมพันธ์อันดีต่อไป
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising