เพราะอะไรเราจึงต้องนำธรรมชาติเข้ามาสู่การอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน?
ในปัจจุบันสังคมของเราเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความวุ่นวาย การได้กลับบ้านมาพักผ่อนอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติจึงกลายเป็นความต้องการพื้นฐานที่ใครหลายคนโหยหา ดังนั้นการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน จึงไม่ใช่แค่เพราะความสวยงามที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่ยังมีผลโดยตรงต่อความรู้สึก สุขภาพกาย และจิตใจของเราด้วย แต่วิธีการจะนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ไม่ได้มีเพียงแค่การปลูกต้นไม้เพียงอย่างเดียว วันนี้เราอยากจะพาทุกคนมาดูว่ามีวิธีไหนบ้าง พร้อมทั้งตัวอย่างโครงการบ้านจาก AP Thai ที่เขานำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว !
ทำไมเราถึงควรมีธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่อาศัย
อันที่จริงการมีธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่อาศัยไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยัง ช่วยลดความเครียดและฟื้นฟูจิตใจ เพราะว่าเพียงแค่ได้มองเห็นพื้นที่สีเขียว หรือรับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ ก็สามารถช่วยลดฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย และส่งเสริมอารมณ์ให้สดใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยัง สร้างสภาพแวดล้อมในบ้านที่ดีขึ้น เพราะธรรมชาติจะช่วยปรับสภาพอากาศ เพิ่มความชื้น ลดฝุ่น และทำให้การไหลเวียนของอากาศดีขึ้น เป็นการดูแลสุขภาพแบบที่แทบไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีใด ๆ
จะพาธรรมชาติเข้ามาในบ้านอย่างไรได้บ้าง?
แม้การปลูกต้นไม้ในบ้านจะเป็นวิธีที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก แต่จริง ๆ แล้วยังมีวิธีอื่นอีกมากมายที่สามารถเชื่อมโยงธรรมชาติเข้ามาในชีวิตประจำวันได้อย่างแนบเนียน เช่น
การเปิดรับแสงธรรมชาติ
ใช้หน้าต่างบานใหญ่หรือช่องแสง เพื่อให้แสงแดดส่องเข้าถึงทุกมุมบ้าน ไม่เพียงช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังทำให้บ้านมีชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน
สร้างพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมในบ้าน
เราไม่จำเป็นต้องมีสวนขนาดใหญ่โตเสมอไป บางทีพื้นที่เล็ก ๆ อย่างระเบียง ครัว หรือแม้แต่ห้องน้ำ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นมุมสีเขียวได้ด้วยการจัดวางต้นไม้หรือสวนแนวตั้ง
เลือกใช้วัสดุธรรมชาติในงานตกแต่ง
บางทีธรรมชาติอาจมาในรูปแบบวัสดุที่ใช้ในบ้าน เช่น ไม้จริง หินธรรมชาติ หรือแม้แต่ผ้าฝ้ายและลินิน เป็นวัสดุที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับพื้นที่ภายในบ้าน
ตัวอย่างบ้านที่นำธรรมชาติเข้ามาอย่างกลมกลืน
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ คือโครงการบ้านเดี่ยวจาก AP Thai ที่นำนวัตกรรมและแนวคิดใกล้ชิดธรรมชาติมาผสมผสานเข้ากับดีไซน์การอยู่อาศัยอย่างลงตัว
อย่างเช่นโครงการ THE PALAZZO โครงการบ้านหรูที่ออกแบบให้ “แสงธรรมชาติ” เป็นองค์ประกอบสำคัญ ตามหลัก Biophilic Design ด้วยการติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่และเพดานสูง เพื่อเปิดรับแสงให้ได้มากที่สุด เติมเต็มความโปร่งโล่งและความสดชื่นให้ทุกพื้นที่ในบ้าน
หรือโครงการ BAAN KLANG KRUNG โครงการบ้านเดี่ยวใจกลางเมืองที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ครอบครัวคนรุ่นใหม่ ด้วยการจัดสรรพื้นที่สวนเล็ก ๆ บริเวณระเบียงของแต่ละชั้นในบ้าน ทำให้คุณมีพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ แม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/xkca
[Content in Partnership with AP]