Meta บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram รายงานรายได้ในไตรมาส 2 แตะ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงการลงทุนด้าน AI (Artificial Intelligence) ที่เริ่มออกดอกออกผล โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการจับกลุ่มลูกค้าในการโฆษณาได้แม่นยำขึ้น
นอกจากนี้ยอดผู้ใช้งานของ Metaในทุกแอปพลิเคชันยังเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน เป็น 3.27 พันล้านบัญชี
ผลประกอบการที่ประกาศออกมาล่าสุด ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Metaปรับตัวขึ้นราว 5% ในการซื้อขายระหว่างวันพุธที่ผ่านมา (31 กรกฎาคม) ก่อนจะปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ 474.83 ดอลลาร์ต่อหุ้น และคิดเป็นการปรับตัวขึ้น 34% นับจากต้นปี
Meta เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ลงทุนด้าน Data Center และ AI อย่างหนักมาโดยตลอด ตามความตั้งใจของ Mark Zuckerberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของMeta ที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI โดยตัวเลขคาดการณ์งบลงทุนสำหรับปีนี้ ของMeta อยู่สูงถึง 3.7-4 หมื่นล้านดอลลาร์
ล่าสุด Metaเพิ่งเปิดตัวโมเดล Large Language Model ของบริษัทอย่าง Llama ไปไม่นานนี้ โดยกล่าวว่าใช้เงินลงทุนไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการเทรนข้อมูล ไม่เพียงเท่านั้น Metaยังลงทุนระยะยาวอื่นๆ อย่างเช่น AI Smart Glasses และ Metaverse
แต่ทั้งนี้การจัดสัดส่วนเงินลงทุนให้เหมาะสมกับบริษัทและให้ได้ผลตอบแทนกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องยากของMeta เช่นกัน
Metaใช้นโยบายทั้งการลดคน รวมทั้งซื้อหุ้นคืนกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมไปถึงการจ่ายปันผล ในขณะที่ต้องเพิ่มงบลงทุนในปี 2025 ขึ้นอย่างมีนัย
อย่างไรก็ตาม Mark ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นผ่านรายงานผลประกอบการว่า ในอนาคตMeta AI จะเป็น AI Assistant ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และท้ายที่สุดทุกธุรกิจจำเป็นต้องมี AI แชตบอตเป็นผู้ช่วยอย่างน้อยหนึ่งตัว
ในขณะที่ Metaชี้ว่า ความต้องการของ Meta Smart Glasses ที่ทำร่วมกับ EssilorLuxottica ของ Ray-Ban ก็มากเกินความสามารถในการผลิตของบริษัท ณ ตอนนี้ไปแล้ว
Mark ยังกล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg ไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมว่า การลงทุนมากจนเกินไปยังดีกว่าการลงทุนที่น้อยจนเกินไป
อ้างอิง:
