หลายคนอาจคิดว่าปัญหาร่องแก้มลึกเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัย แต่จริงๆ แล้วปัญหาร่องแก้มลึกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุน้อยๆ เพราะสาเหตุของการเกิดร่องแก้มนั้นมีหลายประการ รวมถึงเรื่องกรรมพันธุ์เองก็มีส่วน ดังนั้นวันนี้เราจึงชวน คุณหมอเอิง-พญ.เมธาวี จุลาณุกะ จาก Hertitude Clinic คุณหมอผู้เชี่ยวชาญ มาเล่าให้ฟังถึงสาเหตุของการเกิดร่องแก้มและวิธีการแก้ไข เพื่อให้เรากลับมามั่นใจได้อีกครั้ง

 

 

อยากรู้ว่าปัญหาร่องแก้มเกิดจากอะไรบ้าง และเราจะแก้ได้ด้วยวิธีไหนถึงจะดีที่สุด

 

หมอเอิง: หมอขออธิบายสาเหตุของร่องแก้มก่อน ส่วนใหญ่จะมี 3 สาเหตุด้วยกัน ข้อหนึ่ง เกิดจากกระดูกหน้าแก้มที่ทรุดตัวลง (Bone Loss) ไปเรื่อยๆ ซึ่งกระดูกที่ทรุดตัวลงเกิดจากสองสาเหตุ ได้แก่ กรรมพันธุ์ที่เกิดจากโครงหน้าของเราตั้งแต่เด็กๆ และกระดูกที่ทรุดลงเองตามวัย

 

สาเหตุที่สองคือ ไม่มีไขมันชั้นลึกที่คอยซัพพอร์ตแก้ม พอไขมันชั้นลึกตรงนี้หายไป เราก็เลยเกิดร่องแก้มที่เห็นชัด ส่วนข้อสามคือ เกิดจากผิวของเราค่ะ อันนี้เกิดตามอายุและผิวของเราที่หย่อนคล้อย หรือบางคนมีแก้มเยอะมาก ทำให้แก้มพับลงมาข้างล่างแล้วทำให้เกิดร่องแก้มลึก

 

ดังนั้นการรักษาก็จะต่างกัน หากเป็นข้อที่หนึ่งหรือสอง ที่สาเหตุเกิดจากกระดูกหรือเกิดจากไขมันหาย เราจะเติมด้วยฟิลเลอร์ แต่ถ้าเกิดจากผิว เราต้องยกมันขึ้นด้วยการกระตุ้นคอลลาเจน ด้วยการทำอัลเทอรา หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนต่างๆ ที่มีในตลาดตอนนี้เพื่อยกผิวไปด้านหลัง

 

บางคนอายุน้อย แต่ด้วยโครงหน้าที่กระดูกทรุดก็จะเริ่มเห็นร่องแก้มกันแล้ว ซึ่งแก้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แต่ถ้าสาเหตุเป็นเรื่องไขมันชั้นลึกที่หายไป คนที่ผอมมากๆ แม้จะอายุไม่มากก็จะเห็นชัดเช่นกันถูกไหมคะ

 

หมอเอิง: แล้วแต่คนเลยค่ะ บางคนอาจเป็นกรรมพันธ์ุที่ไม่มีไขมันตรงนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่สาเหตุนี้จะเกิดกับคนผอมมากๆ คนผอมที่อายุน้อยก็เกิดร่องแก้มได้

 

แต่หากเป็นคนผอมที่อายุมากก็อาจแตะทั้งข้อหนึ่งและข้อสองเลยใช่ไหมคะ

 

หมอเอิง: ใช่ค่ะ เพราะถ้าอายุมากก็เป็นได้ทั้งกระดูกที่ทรุดตัวลง ไขมันไม่มี รวมถึงข้อสามที่ผิวหย่อน ดังนั้นเราอาจต้องแก้ทีละสเต็ปทั้งสามสาเหตุเลย ซึ่งวิธีแก้ส่วนใหญ่หมอจะแก้จากผิวก่อน ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยหรือพับลงมา เราจะพยายามดึงผิวไปด้านหลังก่อนด้วยวิธีต่างๆ ที่หมอพูดไปนะคะ พอเราดึงผิวไปด้านหลังปุ๊บ เราจะเห็นแล้วว่าร่องแก้มที่ยังคงอยู่เกิดจากกระดูกทรุดหรือไขมัน พอรู้แล้วว่าเหลือเท่าไรค่อยมาเติมฟิลเลอร์ วิธีนี้จะลดโอกาสการเติมฟิลเลอร์ด้วย ทำให้เติมฟิลเลอร์น้อยลง

 

คุณหมอเอิง-พญ.เมธาวี จุลาณุกะ

 

แสดงว่าคนคนหนึ่งก็อาจต้องใช้ทางแก้ทั้ง 3 วิธี แต่ทุกคนจะเริ่มแก้ที่ผิวหย่อนก่อนเสมอไปไหมคะ

 

หมอเอิง: ต้องดูก่อน ถ้ามีปัญหาจากข้อสามก็ต้องเริ่มจากเรื่องผิวหย่อน เพราะถ้าไม่แก้แต่เติมฟิลเลอร์เลย เข้าใจว่ามีร่องแก้มก็ไปเติมร่องแก้ม ยิ่งเป็นการถมเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าหน้ายังพับอยู่ หน้าเราจะหย่อนมากกว่าเดิมอีก และมีร่องแก้มมากกว่าเดิมเพราะตรงแก้มจะพับลงมาเรื่อยๆ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด

 

คนเข้าใจว่าสาเหตุเกิดจากข้อสองเยอะ แต่ที่หมอเจอจะเป็นข้อสามมากกว่า หมอมีวิธีเช็กง่ายๆ หมอแนะนำให้เราลองส่องกระจก ถ้าเรายกหนังด้านข้างขมับขึ้นก็จะเห็นว่าร่องแก้มตื้นขึ้นเลย อันนี้คือสาเหตุที่เกิดจากผิวหย่อนคล้อย

จากประสบการณ์ที่หมอเคยต้องแก้ให้คนไข้ อยากรู้ว่าข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์คืออะไรบ้างคะ?

 

หมอเอิง: เอาที่ร้ายแรงที่สุดคือฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด หมอทุกคนถ้ามีประสบการณ์มากพอจะเห็นทันทีตอนฉีดเลย ดังนั้นเขาจะแก้ไขได้ทันที แต่หมอที่ประสบการณ์น้อย หรือยังไม่เคยเจอเคสเขาก็จะไม่เห็น ผ่านไป 2-3 วันจึงจะเห็น ดังนั้นที่คลินิกเราเลยมียาสลายเตรียมพร้อมไว้เลยทุกครั้งที่มีเคสฉีดฟิลเลอร์เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน

 

อีกปัญหาคือฉีดผิดชั้น อันนี้คือปัญหาหลักที่คนไข้มาปรึกษาเลย เพราะพอฉีดผิดชั้นปุ๊บ แรกๆ สวยแต่ในระยะยาวอาจมีปัญหาหน้าหย่อนหรือบวมกว่าเดิม โดยส่วนตัวหมอจะไม่ค่อยฉีดชั้นบน เพราะเราปรับกันที่ชั้นล่าง ซึ่งการฉีดชั้นล่างจะมีระยะเวลาที่ต้องรอให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้นมาหลังผ่านไป 1-3 เดือน เราเลยต้องคุยกับคนไข้ก่อนว่าต้องให้เวลามันนิดหนึ่ง บางคนอยากเห็นผลเลย บอกว่าทำไมเราฉีดน้อยให้เติมหน่อย หมอก็ต้องอธิบายว่าถ้ามันล้นแล้วมันจะลดยาก ต้องฉีดสลายเท่านั้น

อีกปัญหาที่เคยได้ยินคือเรื่องฟิลเลอร์ปลอม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนได้มาตรฐาน

 

หมอเอิง: ข้อหนึ่ง ลองดูโปรไฟล์คุณหมอก่อนว่าเป็นหมอแท้หรือเปล่า ข้อสอง ลองเช็กประวัติคลินิก ข้อสาม หมออยากให้เข้ามาลองปรึกษาคุณหมอก่อน และก่อนฉีดให้เราสแกน QR Code ที่กล่องฟิลเลอร์ดูทุกครั้งว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือเปล่า ผ่าน อย. ใช่ไหม ไม่ใช้ยาหิ้ว ดูวันหมดอายุด้วย และต้องแกะกล่องต่อหน้าเราเลย

 

ขั้นตอนการดูแลหลังฉีดเป็นอย่างไรบ้างคะ

หมอเอิง: ของดนวดหน้าและกดจุดที่หน้าก่อน 2 สัปดาห์ เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เบลนด์ทันที ต้องรอ อย่าไปกดจุดที่หมอวางไว้เดี๋ยวจะไม่เห็นผล ข้อสอง คือพวกความร้อนต่างๆ เช่น สตรีม ซาวน่า อบไอน้ำ โยคะร้อน อะไรก็ตามที่เราต้องอังหน้านานๆ ขอให้งดก่อน เพราะจะทำให้โมเลกุลของเซลล์ที่ยังไม่เบลนด์กับผิวสลายได้ง่าย ก็จะไม่เห็นผลเท่าที่ควร เว้นสักหนึ่งเดือนก่อน และข้อสาม งดออกกำลังกายหนึ่งวัน เพราะเรามีรอยเข็ม กลัวว่าเดี๋ยวเหงื่อเข้าไปแล้วจะติดเชื้อขึ้นมา

 

เขาบอกว่าฉีดฟิลเลอร์มาไม่ควรกินหมูกระทะ เรื่องนี้จริงไหม

 

หมอเอิง: หมอคิดว่าไม่มีใครเอาหน้าไปอังกระทะนานๆ เวลากินเราก็นั่งห่างๆ ดังนั้นหมอไม่ซีเรียส แต่ก่อนฉีดขอให้งดแอลกอฮอล์และวิตามินที่เสี่ยงให้เลือดออกเยอะและเกิดรอยช้ำ

รีวิวประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่

 

 

วันนี้ผู้เขียนมาลองฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาร่องแก้มลึกกับหมอเอิง เพราะมั่นใจในฝีมือและความน่าเชื่อถือของคลินิก ซึ่งหมอเอิงอธิบายว่า เราจะใช้ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ชื่อ Definisse Filler ที่มีเทคโนโลยีคล้ายร่างแหในเจล ทำให้อยู่ได้นานและคงทน เป็นไฮยาลูรอนแท้ 100% เหมาะกับปัญหาร่องแก้ม

 

 

หลังจากวิเคราะห์ใบหน้าแล้ว หมอเอิงอธิบายว่าเราจะเน้นที่ความเป็นธรรมชาติ ไม่เอาแก้มส้ม หรือถมจนใบหน้าล้น โดยหมอจะปรับรูปหน้าทั้งหมด ไม่ได้ฉีดเฉพาะร่องแก้ม เพื่อให้หน้าสมดุลและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเราจะฉีดชั้นลึกเพื่อซัพพอร์ตระดับกระดูกกับไขมันบริเวณหน้าแก้มที่กระดูกหายไป บริเวณข้างขมับ และร่องแก้มนิดหน่อยเท่านั้น

 

คุณหมอเอิงใช้เข็มทู่ที่ปลอดภัย เพราะตัวเข็มไม่สามารถตัดเข้าเส้นเลือดใหญ่ได้ แต่อาจมีระบมเข็มหลังฉีด 2-3 วัน ก่อนฉีดก็ทำความสะอาดใบหน้า ทายาชาประมาณ 45 นาที จากนั้นก็แกะกล่องฟิลเลอร์ให้เราดูต่อหน้าและลงมือฉีด ระหว่างฉีดยอมรับว่ามีเจ็บบ้างในบางจุด แต่ไม่ถึงขั้นทนไม่ไหว ระหว่างทำหมอจะคอยอธิบายตลอดว่าแต่ละขั้นตอนทำอะไรบ้าง ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย

 

หลังผ่านไปสองสัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดีและเป็นธรรมชาติ ร่องแก้มตื้นขึ้น ไม่เป็นผลส้มหรือแก้มลิง และดูเหมือนว่าใต้ตาจะตื้นขึ้นด้วย ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการปรับทั้งหน้า ไม่ได้ฉีดเฉพาะบริเวณร่องแก้มที่เป็นปัญหา