หากตอนนี้คุณกำลังอยู่ใกล้ท้องถนน ลองหันไปมองรถที่วิ่งผ่านไปมา จะเห็นว่ามีรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือเรียกว่า EV (Electric Vehicle) ผ่านตากันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเหมาะกับขับในเมืองโดยไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันแสนแพง และสามารถชาร์จที่บ้านได้แล้ว เราเลยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับติดตั้งจุดชาร์จ EV สำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อรถ EV และอยากติดตั้งจุดชาร์จที่บ้านมาฝากกัน
- เช็กหัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้า
อันดับแรกควรเช็กประเภทของหัวปลั๊กรถไฟฟ้าก่อน เพื่อที่จะได้เตรียมติดตั้ง EV Charger ให้ตรงกัน โดยหัวชาร์จรถ EV ที่นิยมในไทยแบ่งออกเป็น 3 แบบตามประเทศผู้ผลิตรถยนต์ ได้แก่
- หัวชาร์จแบบ Type 1 ใช้กับรถไฟฟ้าอเมริกาและญี่ปุ่น
- หัวชาร์จแบบ Type 2 ใช้กับรถไฟฟ้ายุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานที่หน่วยงานรัฐในไทยได้กำหนดไว้
- หัวชาร์จแบบ GB/T ใช้กับรถไฟฟ้าจีน
- เช็กระบบไฟในบ้าน (มิเตอร์ไฟและสายไฟเมน)
ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก็เหมือนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่เข้าบ้าน ถ้าไม่เช็กระบบไฟฟ้าในบ้านให้ดี อาจทำให้บ้านใช้ไฟฟ้าเกินขนาดได้
- เช็กขนาดของมิเตอร์ไฟ: โดยทั่วไปบ้านจะอยู่ที่ 5(15)A หรือ 15(45)A ซึ่งไม่เพียงพอต่อการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควรแจ้งเปลี่ยนมิเตอร์ไฟให้มีขนาดตั้งแต่ 30(100)A ขึ้นไป
- เช็กขนาดสายไฟเมน: ควรมีขนาด 25 ตารางมิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อรองรับการไหลของกระแสไฟฟ้าที่ปลอดภัยมากขึ้น และที่สำคัญควรศึกษาคุณสมบัติของเครื่องชาร์จที่จะนำมาติดตั้งควบคู่กันไปด้วยจะดีที่สุด
- ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัย
ขึ้นชื่อว่าไฟฟ้า แน่นอนว่าอันตรายเสมอ ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควรมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านและรถยนต์ไฟฟ้า
- เครื่องตัดไฟรั่ว (RDC): คืออุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้า-ออกไม่เท่ากัน ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟรั่วได้ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและควรติดตั้งไว้ เว้นแต่ว่าสายชาร์จไฟฟ้าที่ซื้อมาจะมีระบบตัดไฟฟ้าอัตโนมัติ ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องนี้ก็ได้
- ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MCB): คือตู้ที่ช่วยแยกช่องจ่ายไฟของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะแยกออกมาจากส่วนอื่นๆ ควรเลือกที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด 100 แอมป์
- เลือกตำแหน่งติดตั้ง EV Charger ให้เหมาะสม
ว่าด้วยเรื่องตำแหน่งติดตั้ง เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานและส่งผลต่อประสิทธิภาพของการชาร์จรถยนต์มากที่สุด ส่วนมากจะเป็นแบบติดผนัง
- ระยะห่าง: จากจุดติดตั้งเครื่องชาร์จจนถึงเต้าเสียบรถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรเกิน 5 เมตร เพราะอาจทำให้ระโยงระยางและเกะกะได้ โดยสายส่วนใหญ่ของ EV Charger มีความยาว 5-7 เมตร
- ความสูง: แนะนำให้สูงจากพื้นประมาณ 1.2 เมตร เพราะเป็นระดับที่ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ทำให้สะดวกแก่การหยิบจับ และตำแหน่งของการติดตั้งเครื่องชาร์จควรอยู่ในระยะที่สายตาสามารถมองเห็นได้ง่าย
ไม่ขวางทางและตากฝน: ขณะที่เสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรอยู่ในจุดที่ให้สายไฟมาขวางทางเดิน และควรติดตั้งในที่ที่ไม่โดนแดด ไม่โดนฝน หรือในระยะที่ฝนสาดเข้ามาถึงน้อยที่สุด เพื่อป้องกันอันตรายและเป็นการดูแลรักษาตัวเครื่อง นอกจากนี้ควรเลือก EV Charger ที่มีคุณภาพ พร้อมตรวจสอบมาตรฐานของ EV Charger ว่ากันน้ำได้ในระดับใดด้วย
ภาพ: Skunk Man