×

5 เทรนด์การใช้ชีวิตในอนาคตจากงาน CES 2025

17.01.2025
  • LOADING...
CES 2025

HIGHLIGHTS

  • จบลงแล้วกับ CES 2025 งานโชว์นวัตกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ชีวิตในอนาคตเราสบายขึ้น วันนี้เราเลยอยากจะมาสรุปเทรนด์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปจากนวัตกรรมที่เปิดตัวในงาน CES 2025

แนวโน้มไลฟ์สไตล์ในอนาคตที่เปลี่ยนไปจากงาน CES 2025

 

สิ้นสุดลงไปแล้วกับ CES 2025 (Consumer Electronics Show 2025) งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระดับโลกที่จัดขึ้นทุกปีที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ผลิตมากมายจะขนนวัตกรรมล้ำๆ หลากหลายแขนงไปโชว์ที่งานนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นมาเพื่อให้ชีวิตในอนาคตเราสบายขึ้น! ซึ่งเราก็พอจะคาดเดาเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากภาพรวมของ Gadget หรือนวัตกรรมที่เปิดตัวภายในงานนี้ ดังนั้นเราเลยอยากมาสรุปแนวโน้มไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปผ่าน 5 เทรนด์การใช้ชีวิตในอนาคตจากงาน CES 2025 

 

ภาพ: Samsung

 

แทบทุกอย่างในชีวิตเชื่อมต่อกันด้วย AI และ IoT

 

หลากหลายนวัตกรรมที่ใช้ในบ้านที่เปิดตัวภายในงาน เป็นนวัตกรรมที่เราสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านระบบ IoT (Internet of Things) ซึ่งช่วยทำให้เราควบคุมแทบทุกอย่างในบ้านได้ หลายบริษัทแนะนำแพลตฟอร์มที่รวมทุกอุปกรณ์ IoT เข้าไว้ในที่เดียว ผู้ใช้สามารถควบคุมได้จากแอปพลิเคชันเดียว เช่น HomeKit, Google Home หรือ Amazon Alexa แถมจะมีการใช้ AI มาช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้บ้าน และช่วยรักษาความปลอดภัย ตรวจจับสภาพแวดล้อมของบ้านอีกด้วย อาทิ Samsung เปิดตัวระบบบ้านอัจฉริยะที่ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์การใช้พลังงานในบ้าน ช่วยลดการใช้พลังงานและลดค่าไฟ

 

ภาพ: Biobeat 

 

ดูแลและเข้าใจสุขภาพได้ง่ายขึ้น

 

ปัจจุบันอุปกรณ์ในการดูแลสุขภาพถูกคิดค้นขึ้นมาในรูปแบบของอุปกรณ์ที่ใช้สวมใส่ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาสุขภาพมากขึ้น ทั้งชีพจร ความเครียด และนิสัยการนอน ซึ่งใครหลายคนใส่เป็นประจำจนแทบจะไม่ได้ถอดเลย และมีแนวโน้มว่าสิ่งนี้จะถูกใช้แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ อาทิ Biobeat สายรัดข้อมือที่สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, ระดับออกซิเจนในเลือด และอุณหภูมิร่างกาย โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำแนะนำสุขภาพแบบส่วนบุคคล อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Telehealth เพื่อให้แพทย์เข้าถึงข้อมูลได้ทันที

 

 

การทำงานและการเรียนรู้ในโลกเสมือนจริง

 

ในอนาคตมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตจะจริงจังกับการพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR ในรูปแบบของแว่นตามากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนรู้จากระยะไกล โดยสามารถจำลองสภาพแวดล้อมจริงๆ หรือสร้างพื้นที่การทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ อย่างเช่น Meta ที่เปิดตัว Meta Quest Pro แว่น VR ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในออฟฟิศและการเรียนรู้ รองรับการประชุมเสมือนจริง (Virtual Meetings) ผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Horizon Workrooms มีเทคโนโลยี Mixed Reality (MR) ที่ช่วยให้สามารถมองเห็นโลกจริงพร้อมกับวัตถุเสมือน 

 

 

ภาพ: Honda

 

ยานยนต์อัจฉริยะขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น

 

ในงานนี้นอกจากจะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นลักษณะ Gadget แล้ว ยังมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าด้วย ยกตัวอย่างเช่น Honda ที่เปิดตัว Honda 0 Series รถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นที่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ทางผู้ผลิตจะตั้งเป้าทำรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติและปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งดูได้จาก Honda 0 Series ที่ใส่ระบบขับขี่อัตโนมัติมาเต็มรูปแบบ 

 

ภาพ: Roto VR

 

ประสบการณ์ความบันเทิงที่สมจริง

 

สืบเนื่องจากที่ผู้ผลิตหลายๆ เจ้าสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR จึงทำให้ในด้านความบันเทิง เช่น ดูหนังหรือเล่นเกม ผู้คนจะหันไปใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น เพื่อประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสมจริงมากขึ้น ดูได้จาก Roto VR Explorer เก้าอี้เกมมิ่งที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำสำหรับการเล่นเกม VR มีระบบ ‘Look and Turn’ ซึ่งทำให้การหมุนของเก้าอี้สัมพันธ์กับการมองใน VR ลดอาการเมารถหรืออาการเวียนหัว (VR Motion Sickness) แถมเก้าอี้ตัวนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีสั่นสะเทือนที่ช่วยจำลองแรงกระแทกและเอฟเฟกต์ในเกม เช่น การยิงปืนหรือการชน

 

ภาพ: Getty Image / แบรนด์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising