'ลิเบีย' วิกฤต ฝนถล่มทำน้ำท่วมหนัก-เขื่อนแตก ดับแล้วกว่า 2,000 คน

สำนักข่าว CNN รายงานในวันนี้ (12 กันยายน) ว่าลิเบียกำลังเผชิญวิกฤตหนัก หลังอิทธิพลจากพายุแดเนียลที่เข้าพัดถล่มประเทศทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นเหตุให้มีเขื่อน 2 แห่งพังทลายลงมาจนเกิดน้ำท่วมใหญ่ โดยมีประชาชนกว่า 2,000 คนเสียชีวิต และราว 6,000 คนยังคงสูญหาย ไม่ทราบชะตากรรม

ออธมัน อับดุลจาลิล (Othman Abduljalil) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประจำรัฐสภาตะวันออกของประเทศลิเบีย กล่าวว่า สถานการณ์ในเมืองเดอร์นา (Derna) ถือเป็นหายนะใหญ่ มีภาพศพของประชาชนนอนเกลื่อนกลาดอยู่ในหลายแห่ง ขณะหลายพื้นที่ของเมืองถูกน้ำท่วมจนตัดขาดกับโลกภายนอก พร้อมวอนขอให้นานาประเทศทั่วโลกช่วยส่งความช่วยเหลือมายังลิเบีย โดยเฉพาะทีมกู้ภัยที่จะมาเร่งช่วยเหลือประชาชนในแต่ละพื้นที่

อาเหม็ด มิสมารี (Ahmed Mismari) โฆษกกองทัพแห่งชาติลิเบีย (LNA) กล่าวว่า สาเหตุที่เขื่อน 2 แห่งซึ่งตั้งอยู่เหนือเมืองเดอร์นาพังทลายลงมา เนื่องจากเผชิญแรงกดดันจากน้ำท่วม โดยน้ำที่ไหลทะลักออกมานั้นทำให้สะพาน 3 แห่งพังถล่ม และกวาดสิ่งปลูกสร้างในชุมชนจมหายลงทะเล

โอซามา อาลี (Osama Aly) หัวหน้าหน่วยงานฉุกเฉินและรถพยาบาลของลิเบีย กล่าวกับ CNN ว่า หลังจากเขื่อนถล่ม “มวลน้ำทั้งหมดก็ไหลลงไปยังพื้นที่ใกล้กับเมืองเดอร์นา ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งและเต็มไปด้วยภูเขา” ส่งผลให้ย่านที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวถูกกระแสน้ำที่ผสมด้วยโคลนพัดถล่ม กวาดกลืนยานพาหนะและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ขณะที่ระบบโทรคมนาคมไม่สามารถใช้การได้ ส่วนการช่วยเหลือกู้ภัยนั้นก็เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้ยาก เพราะสิ่งของที่พังถล่มลงมาหนัก

อาลีกล่าวอีกด้วยว่า ลิเบียไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับหายนะที่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน และก็ไม่เคยเจอภัยพิบัติที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนด้วย พร้อมยอมรับว่าลิเบียมีข้อบกพร่องด้านการรับมือกับภัยพิบัติ โดยก่อนหน้านี้ทางการไม่ได้ศึกษาเรื่องของสภาพอากาศ ระดับน้ำทะเล ระดับน้ำฝน และความเร็วลมให้ดีพอ รวมถึงไม่ได้มีการสั่งอพยพประชาชนที่อาจอยู่ตามแนวเส้นทางของพายุ จนเกิดเป็นความเสียหายครั้งรุนแรงนี้ขึ้น