ค่าธรรมเนียมหุ้น หรือค่าคอมมิชชัน ถือเป็นต้นทุนในหุ้นที่ดูเหมือนไม่เยอะ แต่เมื่อคำนวณตลอดทั้งปีเห็นทีจะไม่คุ้มเสีย
คำถามคือ ต้นทุนที่ว่านี้เป็นต้นทุนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะซื้อหรือขาย ได้กำไรหรือขาดทุน จริงหรือ? และถ้าวันนี้คุณเทรดเอง ทำเอง เคยลองถามตัวเองดูหรือไม่ว่า ทำไมต้องเสียค่าคอมมิชชัน
ลองคิด ปัจจุบันค่าคอมมิชชันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.08% คิดง่ายๆ 1,000,000 บาท ที่ซื้อขายต้องเสียค่าคอม 800 บาท แถมยังมีช่องโหว่ที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนหน้าใหม่เสียเปรียบ นั่นก็คือยิ่งเทรดจำนวนเงินเยอะๆ ค่าธรรมเนียมยิ่งถูก เท่ากับว่านักลงทุนรายย่อยที่เทรดน้อยต้องเสียค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า ทำให้รายย่อยมีต้นทุนในการทำธุรกรรมซื้อขายสูงกว่ารายใหญ่
ในต่างประเทศจึงเห็นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุน ตราสารอนุพันธ์ และเงินดิจิทัล โดยไม่เก็บค่าคอมมิชชันเกิดขึ้นมากมาย อย่าง Robinhood แพลตฟอร์มจากอเมริกาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2013 เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงโลกแห่งการเงินง่ายขึ้น
แต่สำหรับประเทศไทย ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่มาก อาจเรียกว่าเป็นการปฏิวัติวงการโบรกเกอร์เลยก็ว่าได้ เมื่อบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด หรือ ‘Liberator’ แพลตฟอร์มการลงทุนครบวงจรในรูปแบบดิจิทัลโบรกเกอร์ และเป็นบริษัทย่อยโดยตรงภายใต้การบริหารงานของ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘NEWS’ ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘Liberator’ ชูจุดเด่น ‘เทรดหุ้นฟรีไม่มีค่าคอมฯ’ เพื่อเปิดกว้างและปรับเปลี่ยนโลกการลงทุนให้ทุกกลุ่มสามารถลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ได้ด้วยตนเอง มาพร้อมแนวคิด ‘โลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน’ มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลที่หลากหลายและครบวงจรแบบ All in One
ทำความรู้จัก Liberator และเข้าใจ ‘โลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน’
บล.ลิเบอเรเตอร์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000,000 บาท (หนึ่งพันล้านบาท) มีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบครบวงจร และเป็นตัวแทนธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) ให้เป็นบริษัทสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมายเลข 21 และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ก ให้ประกอบธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 (บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0151-01 และการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ใบอนุญาตเลขที่ ส1-0151-01)
บากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
บากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายหลักของการสร้างแพลตฟอร์ม Liberator ว่า ต้องการเห็นนักลงทุนสามารถเข้ามาซื้อขายในแพลตฟอร์มด้วยต้นทุนการเทรดหุ้นได้ฟรี โดยคิดค่าคอมมิชชัน 0% สร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่และเป็นความเท่าเทียมที่ตลาดทุนยุคเก่าไม่สามารถให้ได้ ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติวงการตลาดทุนสู่เส้นทางที่ดีขึ้น และมีความเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น
“เจตจำนงสำคัญของ Liberator คือมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในกลไกของการสร้างนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ ตราสาร และตลาดทุนเพิ่มขึ้น สร้างการลงทุนที่มีความเข้มแข็งและมีคุณค่าในลักษณะของคอมมูนิตี้ ที่เปิดทางให้นักลงทุนรายย่อยหรือคนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง เลือกโดยตัวเอง ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด ตั้งเป้าหมายในการเป็นดิจิทัลโบรกเกอร์ที่เป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่”
คำถามคือ ต้นทุนที่ต่ำทำได้อย่างไร บากบั่นอธิบายเสริมว่า เนื่องจาก Liberator คือแอปพลิเคชันการลงทุนที่สามารถลงทุนซื้อขายด้วยตัวเองบนแพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องมีสาขา แต่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เสริมความปลอดภัย เช่น ระบบป้องกันการแฮ็กข้อมูล การตรวจจับพฤติกรรมการลงทุนต้องสงสัย และการกรองข่าวสารเชิงปั่นราคาที่อาจส่งผลเสียแก่นักลงทุน จึงสามารถดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรม โดยคิดค่าคอมมิชชันการซื้อขายหุ้นและอนุพันธ์เท่ากับ 0%
“Liberator จะมาตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แก้ปัญหาการซื้อขายหุ้นให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรม ที่สำคัญเราจะไม่เป็นเพียงโบรกเกอร์ แต่เราคือหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันในตลาดทุน และเป็นหนึ่งในกลไกที่จะสร้างนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ ตราสาร พร้อมทั้งมอบองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร เพื่อทำให้นักลงทุนมีศักยภาพ ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้ หลังจากที่บริษัทฯ ได้อนุมัติจาก ตลท., ก.ล.ต. และสมาคมโบรกเกอร์ที่ให้การอนุมัติและสนับสนุน Liberator ให้กลายมาเป็นหนึ่งในทางเลือกของนักลงทุน” บากบั่นกล่าว
ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ยังบอกด้วยว่าการเปิดตัว Liberator ไม่ได้เข้าสู่สนามเพื่อทำลายตลาดดั้งเดิมที่มีอยู่ แต่มาเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านการลงทุนและเปิดประสบการณ์แนวใหม่ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อนักลงทุนและสังคม
“Liberator ประกาศจุดยืนในการเป็นดิจิทัลโบรกเกอร์ และชูจุดแข็งคือการคิดค่าคอมมิชชัน 0% ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย Liberator จะเพิ่มนวัตกรรมการเงินอื่นๆ เข้ามาในแอปพลิเคชันเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Social Investing Platform ให้มากขึ้น
“คอนเซปต์ของ Liberator แบ่งได้ 3 อย่างคือ 1. เราจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยนวัตกรรมการเทรด 2. เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลข่าวสารผ่านฟีเจอร์คอนเทนต์ คาดว่าจะเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยจะพาร์ตเนอร์กับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลทุกอย่างที่ปรากฏบทแพลตฟอร์มจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก กลต. จึงมั่นใจได้ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และ 3. เราจะสร้างคอมมูนิตี้ ดึงผู้เชี่ยวชาญมาเพิ่มพูนความรู้ด้านการลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์”
ส่วนเรื่องการสร้างรายได้ ภาวลินตั้งเป้าหมายหาลูกค้าจากยอด MAU (Monthly Active User) ในจำนวน 10% หรืออย่างต่ำ 50,000 รายในสิ้นปี 2566 พร้อมชี้แจงโครงสร้างรายได้หลักปีแรกจะมาจากโปรดักต์ตัวแรก P2P Lending ภายใต้ชื่อ ‘StockLend’ แอปพลิเคชันที่ให้บริการธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการกำกับโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลรับฝากทรัพย์สิน (Custodian) ด้วยการเชื่อมต่อนักลงทุนกับผู้ขอสินเชื่อโดยใช้หุ้นใน SET100 เป็นหลักประกันสินเชื่อ คิดอัตราดอกเบี้ย 7-8% ต่อปี คาดเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2566
“ไตรมาส 2-3 จะเริ่มให้บริการเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Loan) และเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (IPO) ให้ลูกค้า คาดว่าจะเปิดตัวได้ไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนในไตรมาส 4 จะเปิดให้บริการกองทุนรวม ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ” ภาวลินกล่าว
สรุปแนวคิด ‘การบริการทางเงินที่เท่าเทียมและทิศทางการลงทุนปี 2023’ จากกูรูการเงิน
ภายในงานยังได้รับเกียรติจากนักวิชาการอาวุโส นายกสมาคมนักลงทุน เน้นคุณค่า ประเทศไทย และกูรูด้านการลงทุนมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวคิดการบริการทางการเงินที่เท่าเทียม ไปจนถึงทิศทางการลงทุนปี 2023
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องดึงกลุ่มคนกว่า 32 ล้านคน หรือ 59.6% ที่เล่นการพนันหันมาลงทุนในระบบให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพบว่า การลงทุนในรูปแบบการพนันเริ่มดึงคนให้เข้าไประบบมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มการพนันออนไลน์ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 1 แสนล้านบาท เพราะง่าย สะดวก เล่นได้ทุกที ในขณะที่มีนักลงทุนเปิดบัญชีประมาณ 2.3 ล้านราย สมาชิกกองทุนต่างๆ 17-20 ล้านราย โดยเป็นลูกค้าที่มีความเคลื่อนไหวซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตราวๆ 4-6 แสนราย มูลค่าเงินหมุนเวียนประมาณ 1-1.5 ล้านล้านบาท
“วิธีที่จะดึงคนให้หันมาสนใจการลงทุนมากขึ้น ตัวกลางจะต้องสร้าง Value for Money หมายความว่า คนที่จ่ายเงินจะต้องได้คุณค่าจากสิ่งที่จ่ายไป เน้นสร้างความรู้ รวมไปถึงต้องมีการดำเนินการที่สะดวก ทำได้ง่าย ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ” ดร.นณริฏกล่าว
ด้าน เฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนใช้ความรู้ในการลงทุนและเน้นคุณค่าการของการลงทุนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันทิศทางตลาดการลงทุนไทยเติบโตขึ้นมาก มีนักลงทุนหน้าใหม่สนใจจะเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมี Pain Point ใน Ecosystem ของการลงทุนที่เชื่อว่า Liberator จะช่วยสร้างโลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน
“สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดทุนคือ รายใหญ่เข้าถึงข้อมูลก่อน เกิดการกระจายข้อมูลอย่างไม่เท่าเทียม แต่ปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์มให้ข้อมูลมากมาย ส่วนต้นทุนของการเทรด รายย่อยมีต้นทุนในการทำธุรกรรมซื้อขายสูงกว่ารายใหญ่นั่นเอง เชื่อว่า Liberator เข้ามาแก้ไขเรื่องต้นทุน เทรดหุ้นฟรีไม่มีค่าคอมฯ จะดึงนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนที่มีความรู้อยู่แล้วเข้ามาในตลาดทุนมากขึ้น ท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม”
บนเวทีเสวนาหัวข้อ ‘ทิศทางการลงทุน 2023’ นอกจากประเด็นเรื่องภาษีหุ้นนักลงทุนที่ต่างก็เห็นตรงกันว่าอาจจะเป็นจุดสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ยังมองการเปิดตัว Liberator เป็นทางเลือกที่มาถูกเวลา
วีระพงษ์ ธัม อดีตนายกสมาคมนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) บอกว่า ตลาดทุนเป็นตลาดแห่งโอกาสและเป็นทางรอดของคนชนชั้นกลางที่จะทำให้มีอิสรภาพทางการเงินได้ ดังนั้น การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มใหม่ที่เข้ามาสนับสนุน และให้ทางเลือกใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
ด้าน วนนท์ วรรณป้าน Fulltime Trader เจ้าของเพจหุ้น Beer Vanon กล่าวเสริมว่าปีนี้ตลาดลงทุนจะดีกว่าปีที่แล้ว แม้ยังต้องติดตามเรื่องภาษีหุ้น แต่ก็ถือว่าบรรยากาศการลงทุนดีกว่าปีก่อน
“ในฐานะนักลงทุนเก็งกำไร การมีแพลตฟอร์มเทรดหุ้นค่าคอมมิชชัน 0% ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก เพราะมาในจังหวะที่ต้องเสียภาษีขายหุ้นพอดี ส่งผลให้นักลงทุนรู้สึกว่าเมื่อต้นทุนไม่สูงจะทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นสำหรับการวางแผนลงทุน”
ปุณยวีร์ จันทรขจร Full Time Trader มองว่านักลงทุนวันนี้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย แต่นั่นหมายถึงต้องเพิ่มความระมัดระวังการคัดกรองข้อมูลข่าวสารการลงทุน ดังนั้น นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องเรียนรู้และวิเคราะห์แนวทางการลงทุนที่เป็นข้อมูลจากนักลงทุนตัวจริง และคัดกรองข้อมูลให้ตรงกับการลงทุนแต่ละช่วงชีวิตของตัวเอง
“สิ่งสำคัญในเวลานี้รัฐคงต้องทบทวนการเก็บภาษีขายหุ้น เพราะนี่อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นยิ่งทำให้ฟันด์โฟลวไหลออก และกระทบสภาพคล่องในตลาด”
มานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ เจ้าของเพจ Bert Manit (เทรดเดอร์) กล่าวว่าการมาของ Liberator ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ช่วยลดต้นทุนเทรดหุ้น ซึ่งต่อไปจ่ายเฉพาะภาษีขายหุ้นเท่านั้น และทำให้การตัดสินใจลงทุนของเทรดเดอร์คล่องตัวมากขึ้น และเป็นอีกทางเลือกที่ดีต่อทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเดิมที่จะกลับเข้ามาลงทุน ทั้งเข้ามาลงทุนระยะยาวและเก็งกำไร
“ส่วนตัวยังคาดหวังการปลดล็อกของธุรกิจ บล. ที่สร้างแพลตฟอร์มลงทุน ทำให้นักลงทุนทุกระดับสามารถเข้าถึงข้อมูลบทวิเคราะห์และข่าวสารการลงทุนได้พร้อมๆ กัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ เชื่อว่าจะเป็นการสร้างมิติใหม่ของวงการการลงทุนไทยที่ตลาดทุนรูปแบบเก่าทำไม่ได้”
กูรูทั้ง 4 ท่านยังเห็นตรงกันด้วยว่า เมื่อการเทรดหุ้นยังจำเป็นต้องเสียค่าคอมมิชชันและนโยบายการปรับขึ้นภาษีขายหุ้นของภาครัฐที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2566 นี้ หากมีทางเลือกใหม่ที่เปิดกว้างให้แก่นักลงทุนสามารถลดต้นทุนให้ต่ำลงในทางใดทางหนึ่งก็จะช่วยนักลงทุนรายย่อยได้
นักลงทุนที่สนใจเปิดประสบการณ์การเทรดหุ้นฟรีผ่านทางแอปพลิเคชัน ‘Liberator’ สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ง่ายๆ เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียว ไม่มีขั้นต่ำ ไม่ต้องส่งเอกสาร อนุมัติไวภายใน 10 นาที ทั้งระบบ Android และ iOS