ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress: NPC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสองสภาของจีนวานนี้ (5 มีนาคม) หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เสนอ ‘การรวมชาติอย่างสันติ’ กับไต้หวัน พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการอย่างเด็ดขาดเพื่อต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน ขณะที่ฝั่งไต้หวันโต้กลับว่า จีนควรเคารพต่อหลักการประชาธิปไตยและเสรีภาพของดินแดน
ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนได้ยกระดับกิจกรรมทางทหารใกล้กับเกาะไต้หวันมากขึ้นกว่าเดิม โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของไต้หวันและสหรัฐอเมริกาที่มีการประสานความร่วมมือกัน ก่อนที่ความขัดแย้งจะทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่อ แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เปิดทริปเดินทางเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม 2022
หลี่เค่อเฉียงกล่าว ณ มหาศาลาประชาชนว่า จีนยึดมั่นในหลักการจีนเดียว ซึ่งระบุไว้ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และรัฐบาลควรดำเนินการตามนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการแก้ไขประเด็นปัญหาเรื่องไต้หวัน และ ‘ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน พร้อมสนับสนุนการรวมชาติ’
“เราควรส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบอย่างสันติ และยกระดับกระบวนการรวมชาติอย่างสันติ” หลี่เค่อเฉียงกล่าวเสริม
นอกจากนี้ นายกฯ จีนยังกล่าวด้วยว่า กองทัพจีนควรยกระดับการเตรียมความพร้อม แม้จะไม่ได้กล่าวถึงไต้หวันในบริบทดังกล่าวด้วยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในภายหลังสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวันได้ออกมาตอบโต้คำกล่าวของหลี่เค่อเฉียง โดยระบุว่า จีนควรยอมรับความจริงที่ว่าสองดินแดนที่ขนาบข้างช่องแคบไต้หวันนั้นไม่มีฝ่ายไหนอยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร และจีนควรเคารพต่อแนวคิดของชาวไต้หวันที่ยึดมั่นในอำนาจอธิปไตย ประชาธิปไตย และเสรีภาพของไต้หวัน นอกจากนี้ จีนควรจัดการกับกิจการข้ามช่องแคบอย่างมีเหตุผล เสมอภาค และเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อปูทางสู่การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลไต้หวันโต้แย้งต่อการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของจีน โดยกล่าวว่ามีเพียงประชาชน 23 ล้านคนบนเกาะแห่งนี้ที่จะมีอำนาจตัดสินอนาคตของตนเองได้ โดยไต้หวันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งคาดว่าประเด็นความตึงเครียดกับจีนจะร้อนระอุในการหาเสียงที่เตรียมเปิดฉากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
แฟ้มภาพ: Kay Nietfeld / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง: