วันนี้ (2 ธันวาคม) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงกรณีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่าตัดแปลงเพศในกลุ่ม LGBTQIA+ ว่า การผ่าตัดแปลงเพศอยู่ในสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว เพราะไม่ได้มีข้อยกเว้นเอาไว้
โดยปี 2565 มีการออกประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุข พ.ศ. 2565 ได้ระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า การกระทำใดๆ เพื่อความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ไม่ครอบคลุมหรือเบิกไม่ได้
💜 ผ่าตัดแปลงเพศ LGBTQIA+ ใช้สิทธิบัตรทองได้
ดังนั้น หากเป็นกรณีที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ก็ชัดเจนว่าสามารถทำและใช้สิทธิได้ แต่ที่ผ่านมาพบว่า โรงพยาบาลจะมีแต่การเบิกในเรื่องของการผ่าตัดแปลงเพศกรณีเพศกำกวมแต่กำเนิด แต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 100 กว่าราย ไม่เคยเบิกกรณีผ่าตัดกลุ่ม LGBTQIA+ เข้ามา จะมีก็เมื่อปี 2565 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เบิกเข้ามา 1 ราย
“เรื่องการแปลงเพศของกลุ่ม LGBTQIA+ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องของสิทธิประโยชน์ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวว่าตรงไหนทำได้หรือไม่ได้อย่างไร และโรงพยาบาลก็ไม่เคยทำและเบิกเข้ามา สปสช. ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง จึงมีการนัดภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องหารือ ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค และการรักษาฟื้นฟูครบทุกกระบวนการ เพราะจะมีตั้งแต่การใช้ฮอร์โมนจนถึงแปลงเพศ ซึ่งฮอร์โมนบางตัวอาจจะไม่อยู่ในบัญชียาหลัก ก็ต้องไปดูรายละเอียด” นพ.จเด็จ กล่าว
💉 ต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อบ่งชี้ว่าต้องมีการตรวจกับแพทย์หรือจิตแพทย์ว่าบุคคลนั้นมีความจำเป็นต้องข้ามเพศนั้น เดิมในอดีตก็จะมองว่าเป็นความผิดปกติ (Disorder) แต่ปัจจุบันเราเข้าใจว่าทางฝั่งผู้เรียกร้องมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องความผิดปกติ แต่เป็นลักษณะของเพศสภาพไม่ตรงกับจิตใจและร่างกาย
ดังนั้น หากแพทย์มองว่าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพจิต เป็นปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ ก็พิจารณาทำได้ ดังนั้น ขึ้นอยู่กับแพทย์มองว่าเป็นข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ หากต้องทำก็ทำได้ ซึ่งเรามีระบบให้รองรับการเบิกอยู่แล้วตามระบบ DRG
“การผ่าตัดแปลงเพศที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะมองเหมือนเสริมสวย แต่เราตีความชัดเจนขึ้น ถ้าจำเป็นในทางการแพทย์ก็จะอยู่ในสิทธิประโยชน์ จึงขึ้นกับแพทย์ที่ทำการรักษาว่าจะตัดสินใจทำหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ใช่ว่าใครจะทำอะไรก็ได้ จะคิดเอาเองไม่ได้ ตรงนี้มีความชัดเจนขึ้น เราตีความให้ไปในทิศทางที่ทำให้ทำงานต่อได้ เราค่อนข้างมั่นใจตัวระเบียบใหม่ที่ประกาศสิทธิประโยชน์ออกมาว่า กรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ก็เบิกได้” นพ.จเด็จ กล่าว
🛌 สปสช. เร่งคลอดแพ็กเกจใน 1-2 เดือนนี้
นพ.จเด็จ ระบุว่า แม้จะมีระบบเบิกจ่ายรองรับ แต่เราไม่รู้ว่าเงินที่ได้เพียงพอหรือไม่ เพราะการจ่ายคาดว่าคงหลักไม่ถึงแสนบาท แต่การผ่าตัดแปลงเพศราคาค่อนข้างสูง เพราะไม่ใช่แค่ผ่าตัดแปลงเพศเท่านั้น แต่มีหัตถการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสิทธิประโยชน์ก็จะต้องครอบคลุมทั้งหมด ก็ต้องมาหารือเรื่องของราคา
ขณะนี้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมเพศวิทยาคลินิกและเวชศาสตร์ทางเพศ ที่ดูแลรักษาผู้มีเพศสภาพไม่ตรง ก็ทำคู่มือ ทำไกด์ไลน์ออกมาว่ามีประมาณ 8-9 หัตถการที่ต้องทำ เช่น ตัดกราม ผ่าตัดใบหน้า ผ่าตัดหน้าอก ผ่าตัดอวัยวะเพศ
ซึ่งแต่ละหัตถการก็จะแยกเป็น 1 DRG ในการเบิกแยกกัน ไม่ได้รวมเป็นก้อนเดียว เรากำลังให้ทีมทำเป็นแพ็กเกจทั้งหมดของทรานส์เจนเดอร์ ซึ่งบางเรื่องมีอยู่แล้วแต่แค่กระจัดกระจาย เราไม่เคยเอาพวกนี้มามองเป็นเรื่องของทรานส์เจนเดอร์ เราจะรวมแพ็กเกจมาคุยกันใหม่ ที่มีอยู่แล้วก็เอามารวม ที่ยังไม่มีก็เอามาเสริม แล้วประกาศเป็นแพ็กเกจสำหรับคนกลุ่มนี้ คาดว่าประมาณ 1-2 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ