ตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของกลุ่ม FSG เป็นหนึ่งในทีมกีฬาตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในด้านของผลงานในสนาม (1 พรีเมียร์ลีก, 1 แชมเปียนส์ลีก) ในแง่ของการบริหารจัดการทีม ที่ไม่ว่าจะทำหรือตัดสินใจอะไรก็ดีไปหมด เช่นเดียวกับในเรื่องของการหารายได้ที่สามารถพอร่นระยะห่างกับคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้บ้าง
แต่ดูเหมือนการตัดสินใจที่จะก้าวสู่โลกอนาคตอย่าง NFT ซึ่งเป็นเรื่องในกระแสที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ จะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่พวกเขามีโอกาสจะล้มเหลว
โดยนับจากที่มีการประกาศเปิดตัวคอลเล็กชันแรกอย่าง ‘LFC Heroes Club’ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาพในคอลเล็กชันคือภาพแนวการ์ตูนในแบบดิจิทัลอาร์ตเวิร์กของผู้เล่นลิเวอร์พูลชุดใหญ่ 23 คน (มีจนถึงหลุยส์ ดิอาซ ปีกดาวเด่นตัวล่าสุด) กับผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์
คอลเล็กชันนี้จะมีแบ่งออกเป็น 2 ชุดด้วยกันคือ ‘Legendary’ ที่จะมีจำนวนแค่ 24 ภาพ และ ‘Hero Edition’ ซึ่งจะเปิดกว้างสำหรับการสะสมมากกว่า โดยในแต่ละภาพก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็เป็นวิธีการเดียวกับงาน NFT คอลเล็กชันดังทั่วไปที่จะมีการตกแต่งภาพให้แตกต่างกันออกไป เช่น สีเสื้อ ถุงมือ ผ้าพันคอ ไปจนถึงสีหน้าท่าทางต่างๆ
ที่สุดแล้วมีภาพทั้งหมด 171,072 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพมีสนนราคา 55 ปอนด์ (ประมาณ 2,400 บาท) โดยเป้าหมายสูงสุดของสโมสรดังจากอังกฤษคือการทำเงินรายได้ถึง 8.5 ล้านปอนด์จากคอลเล็กชันนี้
แต่ความเป็นจริงคือลิเวอร์พูลขาย NFT คอลเล็กชันนี้ได้เพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด หรือน้อยกว่า 8,000 ชิ้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมายหลายล้านปีแสงอย่างมาก
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ ‘LFC Heroes Club’ ไม่ประสบความสำเร็จ? แล้วตกลงลิเวอร์พูลคิดอะไรอยู่ถึงทำอะไรแบบนี้?
-
แฟนบอลไม่อิน = จบ
ถึงลิเวอร์พูลจะเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีฐานแฟนฟุตบอลมากที่สุดในโลก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสโมสรจะขายทุกอย่างให้กับแฟนๆ ได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับ NFT ที่เป็นของใหม่ ซึ่งไม่ใช่แฟนบอลทุกคนจะเข้าใจ และไม่ใช่คนที่เข้าใจทุกคนจะเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล
ตามความเห็นของศาสตราจารย์ไซมอน แชดวิก แห่ง Global Professor of Sport ระบุว่า “แฟนนั้นอาจจะต่อต้านการพัฒนา NFT หรืออาจจะคิดว่าสิ่งนี้มันแพงเกินราคาของมัน หรือพวกเขาอาจจะไม่เข้าใจมันดี ตลาด NFT ยังต้องเดินทางอีกยาวไกล”
อีกเหตุผลคือผลงานคอลเล็กชันนี้ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนบอลที่ได้เห็น มีคนจำนวนมากที่ดูแล้วรู้สึกว่า ‘ไม่สวยเลย’
ไม่นับกับเรื่องการจ่ายเงินที่ยาก ซึ่งผู้เขียนได้รับการบอกเล่าจากแฟนบอลลิเวอร์พูลสายนักสะสมการ์ด (Trading Card) ว่าได้พยายามจะเข้าระบบ (ซึ่งลิเวอร์พูลทำร่วมกับสถาบัน Sotheby’s แห่งลอนดอน) และพบว่าการชำระเงินเป็นไปได้ยากมาก จนสุดท้ายยอมแพ้
แต่อีกหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดคือการที่พวกเขาไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มแฟนบอลตัวจริงอย่าง Spirit of Shankly (SOS) ซึ่งได้รับเชิญให้มาหารือเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ และได้ให้คอมเมนต์แบบหนักๆ ไปมากมาย ซึ่งสุดท้ายสโมสรก็เลือกจะทำ NFT คอลเล็กชันนี้อยู่ดี ทำให้ SOS ออกตัวว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้
-
การลงทุนคือความเสี่ยง
สิ่งที่กลุ่ม SOS กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ การที่สโมสรคิดที่จะหาเงินรายได้เพิ่มด้วยการให้แฟนฟุตบอลเป็นผู้ที่เผชิญกับความเสี่ยงของสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยอย่าง NFT ซึ่งไม่อิงกับปัจจัยพื้นฐานใดๆ ทั้งสิ้น
ในวงการก็มีให้เห็น เช่น NFT ของ จอห์น เทอร์รี ที่มูลค่าเคยลดลงสูงสุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ NFT คอลเล็กชันระดับสุดยอดของโลกอย่าง Bored Ape Yacht Club เองก็มีราคาที่ผันผวน
ความเสี่ยงนี้เองที่ทำให้แฟนฟุตบอลอีกเป็นจำนวนมากลังเลที่จะลงทุน เพราะถึงราคาจะไม่ได้มากมายอะไรนัก (เมื่อเทียบกับเหล่า NFT ตระกูล ‘ลิง’ ทั้งหลาย) แต่เงินจะมากหรือจะน้อยก็ไม่มีใครอยากขาดทุนกันทั้งนั้น
และเมื่อมอง ‘ศักยภาพ’ แล้ว หากมีเงินจะลงทุนจริง โดดไปเล่นตัวอื่นอาจจะดีกว่า…
-
ของสะสมที่ดูแล้วไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
จุดสลบต่อมาคือการที่ NFT คอลเล็กชันนี้ของลิเวอร์พูลนั้นมีจุดยืนว่า ‘เป็นของสะสม’ ไม่ใช่ ‘การลงทุน’ โดยสโมสรไม่แนะนำให้แฟนๆ ซื้อไว้เพื่อนำไปขายต่อบน OpenSea เหมือนงาน NFT อื่นๆ
“สโมสรอยากแสดงจุดยืนที่ชัดเจนกับแฟนๆ ว่า NFT นั้นคืองานศิลปะสำหรับการสะสม และไม่ควรคิดว่านี่คือการลงทุน”
อย่างไรก็ดี ถึงสโมสรจะบอกแบบนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะหาซื้อ LFC Heroes Club ใน OpenSea ไม่ได้ เพราะความจริงแล้วก็มีคนนำไปปล่อยอยู่ เพียงแต่มีจำนวนน้อยและไม่ได้รับความนิยมมากนัก
ปัญหาคือลิเวอร์พูลนั้นมีแนวคิดในการเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้สะสมในวงกว้าง มันจึงเป็นการเน้น ‘ปริมาณ’ มากกว่า ‘คุณภาพ’ ทำให้ราคาขึ้นได้ยาก และยังมองไม่เห็นว่าจะมีโอกาสในการ ‘ปั่น’ อย่างไรให้ขึ้นไปติดลมบน
บางทีหากลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอีกทีก็อาจจะช่วยให้กระแสจุดติดบ้าง หรือคนดังหันมาลงทุนกับคอลเล็กชันนี้ก็อาจจะช่วยได้บ้าง แต่ดูแล้วโอกาสจะเกิดปรากฏการณ์เหมือนการ์ดของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ บนแพลตฟอร์ม Sorare ที่มีการประมูลในราคาถึง 511,000 ปอนด์นั้นเป็นไปแทบไม่ได้
-
เหมือนรักษ์โลก (แค่เหมือนนะ)
อีกจุดที่นำไปสู่กระแสวิจารณ์คือการที่ลิเวอร์พูลเลือกที่จะวางโครงการไว้กับ Polygon ไม่ได้ใช้ Bitcoin หรือ Ethereum ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
เรื่องนี้สโมสรบอกว่าทำเพราะ ‘รักษ์โลก’ เนื่องจาก Polygon นั้นมีจุดขายในเรื่องของความยั่งยืนเป็นหลัก ในขณะที่สกุลคริปโตอื่นๆ นั้นถูกวิจารณ์ว่ามีส่วนในการสร้างมลภาวะให้กับโลกใบนี้อย่างมหาศาลจากการขุดเหมืองคริปโต
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Polygon ก็ผูกกับ Ethereum อยู่ดี และนั่นทำให้มีกระแสโจมตี แม้ว่าทางด้าน Sotheby’s จะปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และย้ำว่า Polygon จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขมากเท่ากับ Ethereum แน่นอน
อย่างไรก็ดี ในมุมของฝั่งสโมสรลิเวอร์พูลเอง – ซึ่งยังมีความหวังว่า LFC Heroes Club จะจำหน่ายได้มากขึ้นหลังจากนี้ – ก็ยืนยันว่าการตัดสินใจที่จะโดดเข้าโลกของ NFT นั้นเป็นสิ่งที่สโมสรได้คิดมาอย่างดีแล้ว
เหตุผลของพวกเขาคือตลาดนี้เป็นตลาดใหญ่ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและเอเชียที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก และลิเวอร์พูลเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสในการที่จะได้เข้าตลาดนี้ เพื่อ ‘เชื่อมโยง’ กับคนกลุ่มนี้ที่อาจจะเป็นแฟนบอลอยู่เดิม หรืออาจเป็นแฟนบอลในอนาคต
การตัดสินใจลุยครั้งนี้คือความท้าทายของพวกเขาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่คุ้นเคย ซึ่งถึงยอดจำหน่ายจะมีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้บริหารของสโมสรอย่าง ดรูว์ คริสป์ ก็มองว่านี่คือความสำเร็จแล้ว
แต่สุดท้ายพวกเขาจะต้องเดินเดียวดายหรือไม่ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกัน
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/3209366/2022/03/25/explained-liverpools-8-5m-nft-sale-and-why-people-view-it-as-controversial/
- https://www.empireofthekop.com/2022/04/04/liverpool-disappointed-with-underwhelming-nft-sales-as-only-5-of-first-tokes-issued-being-sold/
- https://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/exclusive-liverpool-executive-explains-clubs-23575744
- https://www.liverpoolfc.com/news/available-now-lfc-heroes-club-first-digital-collectibles
- https://metaverse.sothebys.com/lfc
- เงินรายได้จากการจำหน่ายภาพในชุด Legendary ครึ่งหนึ่งจะเข้ามูลนิธิลิเวอร์พูล (LFC Foundation) ส่วนชุด Hero นั้นจะแบ่งรายได้ 10 เปอร์เซ็นต์ของตัวลิมิเต็ดเอดิชัน รวมถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของการรีเซลในอนาคตเข้ามูลนิธิ
- ลิเวอร์พูลมีแผนที่จะทำ NFT คอลเล็กชันสำหรับทีมหญิงด้วยเช่นกัน
- ความพิเศษเพิ่มเติมสำหรับคนที่ซื้อ LFC Heroes Club คือการที่จะสามารถเข้า Community Forum ที่จะมอบประสบการณ์พิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ รวมถึงการมอบส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้าของสโมสรด้วย