**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของแอนิเมะเรื่อง Attack on Titan Season 1-4**
หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้แอนิเมะแห่งยุคอย่าง Attack on Titan ครองใจผู้ชมอย่างล้นหลาม คือมิติของตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างโดดเด่น และชวนให้ผู้ชมติดตามว่า ‘ชะตากรรม’ ของตัวละครเหล่านั้นจะจบลงอย่างไร
เช่นเดียวกับ รีไว แอคเคอร์แมน หัวหน้าหน่วยสำรวจที่มีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศ แต่ภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม เขากลับเป็นชายที่มีภาวะผู้นำอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะการเป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับ ‘พรรคพวก’ อยู่เสมอ จนกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์ไม่แพ้ตัวละครอื่นๆ
THE STANDARD POP รวบรวม 7 บทสนทนาที่บ่งบอกถึงภาวะผู้นำฉบับรีไว หัวหน้าหน่วยสำรวจผู้เคร่งขรึมที่คอยจดจำคุณค่าของทุกชีวิตที่เสียไป
ท่ามกลางสถานการณ์อันวุ่นวายภายในเขตทรอสต์ที่ถูกเหล่าไททันบุกเข้าโจมตี อีกด้านหนึ่งเหล่าหน่วยสำรวจที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ด้านนอกก็กำลังต่อสู้กับเหล่าไททันอย่างสุดความสามารถ โดยมี วีไว แอคเคอร์แมน หัวหน้าหน่วยสำรวจเป็นผู้นำทัพ
แต่ไม่ว่ารีไวจะเป็นทหารผู้เก่งกาจดุจปีศาจร้าย แต่เขาก็ไม่อาจช่วยเหลือลูกน้องได้ทุกคน เช่นเดียวกับทหารนายหนึ่งที่นอนจมกองเลือด และกำลังจะสิ้นใจในอีกไม่ช้า และก่อนที่จะหมดลมหายใจ เขาจึงเอ่ยถามรีไวว่าชีวิตเขาได้ช่วยเหลือมนุษยชาติบ้างรึเปล่า
“นายช่วยไว้ได้เยอะเลยล่ะ และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ความมุ่งมั่นของนายจะมอบความแข็งแกร่งให้ฉัน ฉันสาบานว่าจะล้างบางพวกไททันให้สิ้นซากเอง”
แม้ว่ารีไวจะเป็นชายผู้รักความสะอาดแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะจับมือลูกน้องที่อาบไปด้วยเลือด พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นผู้รับช่วงต่อเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติจากเหล่าไททันต่อไป
ฉากการต่อสู้เล็กๆ ฉากนี้จึงกลายเป็นฉากแนะนำตัวละครที่ทำให้ผู้ชมเห็นว่า รีไวไม่ได้เป็นตัวละครหลักผู้เก่งกาจเพียงเท่านั้น แต่ยังนำเสนอมิติข
ในระหว่างที่เอเรนและหน่วยรีไวกำลังถูกไททันหญิงไล่ตามเพื่อลักพาตัวเอเรน หน่วยสำรวจที่ตามมาจากด้านหลังจึงพยายามเข้าขัดขวางไททันหญิงเพื่อช่วยยื้อเวลาให้กับพวกเขา เอเรนที่เห็นภาพหน่วยสำรวจค่อยๆ ถูกจัดการไปทีละคนจึงคิดจะกลายร่างเป็นไททันเพื่อต่อสู้กับไททันหญิง
เพทราและพรรคพวกจึงพยายามห้ามปรามไม่ให้เอเรนกลายร่าง พร้อมขอให้เอเรนเชื่อใจในตัวพวกเขา และภายใต้สถานการณ์ที่เอเรนกำลังสับสน รีไวจึงมอบโอกาสให้เอเรนตัดสินใจด้วยตัวเอง
“จงเลือกว่าจะเชื่อตัวเองหรือเชื่อหน่วยสำรวจอย่างฉันกับเจ้าพวกนี้ ฉันเองก็ไม่รู้คำตอบว่าควรจะเชื่อความคิดของตัวเอง หรือเชื่อการตัดสินใจของพวกพ้อง และไม่มีทางรู้ด้วยว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร เพราะฉะนั้นก็จงเลือกในสิ่งที่แกจะไม่มีวันเสียใจภายหลังซะ”
เพราะรีไวเข้าใจเป็นอย่างดีว่า แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีทางรู้ว่าหากเอเรนแปลงร่างแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เขาจึงเปิดโอกาสให้เอเรนเลือกว่าจะแปลงร่างเป็นไททันหรือจะเชื่อในพวกพ้อง
ขณะเดียวกัน การที่รีไวมอบโอกาสให้เอเรนเป็นคนตัดสินใจ อาจแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า ในฐานะของหัวหน้าหน่วย ไม่ว่าเอเรนจะเลือกทางไหน เขาผู้เป็นหัวหน้าก็พร้อมจะรับมือกับผลลัพธ์ที่ตามมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งฉากที่ฉายภาพความเป็นผู้นำของเขาที่ ‘เชื่อใจ’ ในตัวลูกน้องและพร้อมจะ ‘แบกรับ’ ผลที่ตามมาได้อย่างชัดเจน
เมื่อเอเรนตัดสินใจที่จะไม่แปลงร่างเป็นไททันและควบม้าตามหัวหน้ารีไวต่อไป โดยปล่อยให้หน่วยสำรวจด้านหลังสละชีวิตเพื่อเข้าขัดขวางไททันหญิง จนกระทั่งหน่วยของรีไวสามารถล้อไททันหญิงมาถึงจุดหมาย เออร์วิน ผู้บัญชาการแห่งหน่วยสำรวจจึงให้สัญญาณโจมตีเพื่อจับกุมไททันหญิง
“ต้องยกความดีความชอบให้หน่วยหลังที่สละชีวิตเพื่อถ่วงเวลาให้พวกเรา ไม่งั้นเราคงทำไม่สำเร็จ”
แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเออร์วิน แต่รีไวก็ไม่ลืมที่จะยกย่องเหล่าผู้ที่เสียสละชีวิตเพื่อยื้อเวลาให้กับพวกเขา และจดจำพวกเขาในฐานะพรรคพวกคนสำคัญ
หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างเอเรนและไททันหญิงสิ้นสุดลง หน่วยสำรวจได้สูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหน่วยรีไวที่สูญเสียเพทรา, เอลด์, โอรูโอ้ และ กุนเธอร์ เหล่าทหารฝีมือดีที่ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเอเรนไว้ ในระหว่างเดินทางกลับรีไวจึงเก็บสัญลักษณ์หน่วยสำรวจของพวกเขาเอาไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพวกที่จากไป
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อทหารกลุ่มหนึ่งได้แอบกลับไปตามหาศพของเพื่อนจนทำให้ไททันวิปริตไล่ตามหน่วยสำรวจ รีไวจึงสั่งให้ทหารโยนศพของพรรคพวกทิ้งไป จนสามารถหลบหนีจากเหล่าไททันได้สำเร็จ
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสิ้นสุด รีไวจึงเดินเข้าหานายทหารหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุของเรื่อง พร้อมมอบสัญลักษณ์หน่วยสำรวจที่เก็บไว้ให้กับเขา
“นี่คือหลักฐานว่าพวกนั้นเคยมีชีวิตอยู่ ฉันคิดอย่างนั้นนะ”
แม้ว่าสัญลักษณ์ที่รีไวเก็บไว้จะไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของเพื่อนทหารหนุ่มก็ตาม แต่เพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของทหารหนุ่มที่ต้องสูญเสียพรรคพวกเป็นอย่างดี เขาจึงเลือกที่จะ ‘เสียสละ’ และมอบสัญลักษณ์หน่วยสำรวจที่เป็นของหน่วยรีไวไป เพื่อหวังว่ามันจะช่วย ‘ค้ำจุน’ ความรู้สึกของนายทหารหนุ่มได้ไม่มากก็น้อย
หลังจากสิ้นสุดภารกิจภารกิจช่วยเหลือเอเรนและจัดการกับ ร็อด เรสส์ ที่กลายเป็นไททันได้สำเร็จ รีไวก็ได้กลับมาเผชิญหน้ากับ เคนนี่ ชายผู้ชุบเลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเด็กอีกครั้ง พร้อมรู้ความจริงว่าตัวเองมีสายเลือดของตระกูลแอคเคอร์แมนไหลเวียนอยู่ อีกทั้งยังพบว่าเคนนี่คือพี่ชายของแม่แท้ๆ ของตัวเองอีกด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกของเขาอย่างหนักหน่วง
และดูเหมือนว่ากลุ่มคนที่ทำให้ชายผู้มีใบหน้าที่เฉยชาคนนี้กลับมามียิ้มได้อีกครั้ง คือเหล่าลูกน้องอย่างเอเรนและพรรคพวกที่คอยสร้างความวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวมาโดยตลอด เมื่อฮิสทอเรียที่พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชินีคนใหม่ ได้เดินเข้าไปชกรีไวอย่างกล้าหาญ โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นได้ช่วยทำให้รีไวกลับมาหัวเราะและยิ้มได้อีกครั้ง
“ขอบใจนะ พวกนาย”
หลังจากการเผชิญหน้าระหว่างหน่วยสำรวจและเหล่าไททันที่นำโดยไททันสัตว์ป่าสิ้นสุดลง ส่งผลให้เออร์วินและอาร์มินได้รับบาดเจ็บสาหัส รีไวจึงจำเป็นต้องเลือกว่าจะฉีดไขสันหลังไททันให้ใคร เพื่อช่วยชีวิตคนหนึ่งไว้และปล่อยให้อีกคนจากไป ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะฉีดให้กับอาร์มินและเลือกเขตชิกันชินะเป็นสถานที่ตายของเออร์วิน สหายร่วมรบที่เขาเชื่อใจมากที่สุด
เมื่ออาร์มินตื่นขึ้นและได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของรีไวที่เลือกให้ตัวเองมีชีวิตต่อ ทั้งๆ ที่หากรีไวช่วยเหลือเออร์วินที่ดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการแห่งหน่วยสำรวจอาจจะมีประโยชน์มากกว่าเขา
“อย่างนายแทนที่เออร์วินไม่ได้หรอก แต่ฉันรู้ดีว่านายมีพลังที่คนอื่นไม่มีอยู่ในตัว ฉันจะไม่เสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว ยังไงก็อย่าทำให้พวกนี้ผิดหวังล่ะ และห้ามทำให้ตัวเองเสียใจเด็ดขาด นั่นคือหน้าที่ของนาย”
เป็นอีกหนึ่งฉากที่ฉายภาพภาวะผู้นำของรีไว ที่ยังคง ‘เชื่อมั่น’ ในตัวลูกน้องอย่างอาร์มินว่าเขาจะเป็นชายที่มีความสามารถไม่แพ้เออร์วิน ในขณะเดียวกัน การตัดสินใจในครั้งนี้ยังเป็นการให้ความเคารพต่อเออร์วิน เพื่อให้เขาได้พักผ่อนอย่างสงบหลังจากที่ต้องรับบทเป็น ‘ปีศาจ’ ที่ต้องแบกรับชะตากรรมของมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน
ในทุกศึกสงครามย่อมมีผู้สูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รีไวผู้ผ่านการต่อสู้ การสูญเสีย และเอาชีวิตรอดมาได้นับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่ทิ้ง ‘ความหวัง’ ที่อยากจะให้ทหารร่วมรบมีชีวิตรอดเพื่อกลับบ้านไปพร้อมกันทุกคน
เช่นเดียวกับภารกิจบุกมาเลย์เพื่อช่วยเหลือเอเรน ที่แม้ว่าหน่วยสำรวจจะต้องเผชิญหน้ากับกองทหารมาเลย์และเหล่านักรบผู้มีพลังไททัน แต่รีไวก็ยังสั่งให้พรรคพวกทุกคน ‘ต้องมีชีวิตรอดกลับไป’ แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“อย่าตายนะ มีชีวิตรอดต่อไปให้ได้”
ภาพประกอบ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์