นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้น (Booter Shot) ที่ Singapore General Hospital เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer-BioNTech ครบ 2 โดสแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของผู้นำสิงคโปร์มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะเริ่มต้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง และกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ชี้ว่า กลุ่มผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักหากติดเชื้อโควิด และอาจมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ค่อนข้างต่ำ แม้จะฉีดวัคซีนครบ 2 โดส
ขณะที่นายกรัฐมนตรีลี ซึ่งอายุ 69 ปี ได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความผ่าน Facebook หลังฉีดวัคซีน โดยสนับสนุนให้ประชาชนที่เข้าข่ายรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหากได้รับการเสนอให้ฉีด เพื่อช่วยลดโอกาสในการป่วยหนักจากการติดโควิด
“กรณีการติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยเสริมการป้องกันโควิดให้คุณ หากคุณได้รับการเสนอให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โปรดรับมัน มันจะช่วยลดโอกาสที่คุณจะป่วยหนักหรือต้องรับการดูแลใน ICU” ลีระบุในโพสต์
ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนโควิดของสิงคโปร์แนะนำให้ประชาชนอายุ 60 ปีและเกินกว่านั้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่เป็นวัคซีนชนิด mRNA ในช่วง 6-9 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนหลักครบ 2 โดส
ซึ่งผู้สูงอายุที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสอย่างน้อย 6 เดือน จะได้รับ SMS พร้อมลิงก์สำหรับนัดหมายเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิดในสิงคโปร์พบว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 800-900 ราย และมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 74,000 ราย เสียชีวิต 59 ราย ซึ่งสูงที่สุดในรอบหลายเดือน แม้ว่าปัจจุบัน สิงคโปร์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก โดยมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมากกว่า 81% จากประชากรทั้งหมดราว 5.9 ล้านคน
ภาพ: Photo by Facebook Fanpage : Lee Hsien Loong / Singapore Prime Minister’s Office
อ้างอิง: