ลาซาด้า (Lazada) ตอกย้ำการเป็นผู้นำอีคอมเมิร์ซในตลาดพรีเมียมและความคุ้มค่า หลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในแคมเปญ ‘11.11 เซลใหญ่แห่งปี’ โดยมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย (Average Order Value – AOV) บนแพลตฟอร์มเติบโตสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักช้อปไทยในการจับจ่ายสินค้าคุณภาพสูงและแบรนด์ดังจาก LazMall โดยมียอดคำสั่งซื้อสินค้าแบรนด์พุ่งขึ้นกว่า 370% พร้อมตอกย้ำบทบาทในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ด้วยสัดส่วนยอดขายกว่า 92% ที่มาจากผู้ประกอบการไทย
AOV โตกระโดด 70%: การเดิมพันในคุณภาพที่ได้ผล
ความสำเร็จของแคมเปญ 11.11 ปี 2568 ของลาซาด้า ไม่ได้จำกัดอยู่แค่จำนวนคำสั่งซื้อ แต่เป็นการเติบโตของมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย (AOV) ที่พุ่งสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของพฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่พร้อมจ่ายเพื่อสินค้าคุณภาพและพรีเมียม โดยอาศัยความคุ้มค่าจากส่วนลดและคูปองของแพลตฟอร์ม
วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย ชี้ว่าผลลัพธ์นี้ยืนยันถึงความสำเร็จในการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเครือข่ายแบรนด์คุณภาพบน LazMall และการยกระดับมาตรฐานอีคอมเมิร์ซที่เน้นคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญ
“เราเห็นยอดคำสั่งซื้อสินค้าแบรนด์ดังบน LazMall พุ่งสูงถึง 370% และที่น่าสนใจคือ มีคำสั่งซื้อที่มีมูลค่าสูงถึงหลักแสนบาทจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของลาซาด้าในการเป็นผู้นำตลาดพรีเมียมตัวจริง”
‘Lazzie AI’ เทคโนโลยีขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่ม
เธอกล่าวว่า บทบาทของเทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญในแคมเปญนี้ โดย Lazzie แชตบอต AI มียอดการสนทนาเพิ่มขึ้นเกือบ 120% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคุ้นชินและพึ่งพาเครื่องมือ AI ในการค้นหาและเปรียบเทียบสินค้ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ การแนะนำสินค้าผ่านช่องทาง Lazzie AI ยังช่วยเพิ่มมูลค่าคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นจากช่องทางนี้สูงถึง 180% ตอกย้ำว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือบริการลูกค้า แต่เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ช้อปปิงให้มีประสิทธิภาพและสามารถ สร้างมูลค่าทางธุรกิจ (Monetization) ได้จริง
92% ของยอดขาย สนับสนุนเศรษฐกิจไทย
ในมุมมองของเศรษฐกิจมหภาค ลาซาด้ายังคงตอกย้ำสถานะในฐานะผู้สนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศอย่างแข็งแกร่ง โดย กว่า 92% ของยอดขายทั้งหมดในแคมเปญ 11.11 มาจากผู้ประกอบการไทย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในหมวดแฟชั่น เช่น Fundao ที่ทำยอดขายติดอันดับท็อปเคียงคู่แบรนด์ระดับโลก รวมถึง Her Hyness, lookbooklookbook, Dr.Pong และ Mizumi & Bomi เป็นต้น
สำหรับหมวดสินค้าที่มียอดขายสูงและเป็นที่นิยม ดังนี้
- หมวดบิวตี้: ครองแชมป์ยอดจับจ่ายสูงสุด นำโดยสินค้าประเภทมาส์ก บาล์ม และครีมกันแดด
- หมวดอิเล็กทรอนิกส์: ยังคงเป็นหมวดหลักที่ขับเคลื่อนยอดขาย โดย 6 ใน 10 ร้านค้าที่ทำยอดขายสูงสุดบน LazMall มาจากกลุ่มนี้
- หมวดแฟชั่น: มียอดเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับแคมเปญ 9.9 โดยได้รับแรงหนุนจากสินค้าแฟชั่นหน้าหนาวและกระเป๋าเดินทาง
Affiliate และ YouTube Shopping กลไกเสริมการตัดสินใจ
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงและสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าพรีเมียม ลาซาด้ายังใช้เครือข่าย Affiliate เป็นกลไกสำคัญ โดยคอนเทนต์รีวิวสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 1 ใน 5 ของคำสั่งซื้อทั้งหมด นอกจากนี้ การเดินหน้าขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ YouTube ภายใต้โปรแกรม YouTube Shopping ยังเป็นอีกก้าวในการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบ V-Commerce ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น


