อีคอมเมิร์ซเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงส์บวกจากโควิด-19 ไปเต็มๆ เพราะเมื่อคนออกจากบ้านเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้เหมือนปกติ การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาช่องทางบนโลกออนไลน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้ต้องหันมาทำความรู้จักกับอีคอมเมิร์ซแบบไฟต์บังคับ
สำหรับ Lazada แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนที่มีบริษัทแม่อย่าง Alibaba หนุนหลัง ปัจจุบันให้บริการในไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 9 แล้ว ซึ่งในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่า บริษัทมีภาพรวมการเติบโตในประเทศไทยเมื่อเทียบจากปีก่อนหน้าที่ 2 เท่าตัว (ครอบคลุมทั้งออร์เดอร์คำสั่งซื้อ, ผู้ซื้อ และร้านค้า) และมียอดการใช้จ่ายต่อผู้ใช้งานหนึ่งคนเติบโตที่ราว 3-4 เท่า โดยที่ปี 2021 ตั้งเป้าไว้ว่า Lazada ไทยจะต้องมีภาพรวมการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ระดับ 3 เท่าตัวให้ได้ และเคลมว่า ปัจจุบันพวกเขาเป็นเบอร์ 1 ของเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซไทย (วัดในเชิงยอดขาย)
ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ภาพรวมอีคอมเมิร์ซในปี 2020 ที่ผ่านมาของประเทศไทยมีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ราว 3 แสนล้านบาท หรือเติบโตที่ราว 85% ส่วนปีนี้คาดว่าจะโตได้แตะระดับ 4 แสนล้านบาท โดยไทยเป็นประเทศลำดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซียที่มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Lazada สูงสุด (จำนวนผู้ใช้งานทั้งอาเซียนอยู่ที่ 100 ล้านราย)
“ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า ภาพรวมอีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโตที่ราว 35% มีมูลค่าหลักแสนล้านบาท แต่ปรากฏว่า เมื่อนับรวมตลอดทั้งปี อัตราการเติบโตกลับสูงถึง 85% และมีมูลค่าของทั้งตลาดกว่า 3 แสนล้านบาท ดังนั้นเลยคิดว่า ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะด่วนสรุปว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยอยู่ในจุดสิ้นสุดของ Early Stage แล้ว เรามองว่า มันยังเป็นตลาดขาขึ้น (Sunrise Market) ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากและมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาในตลาดได้อีก”
จุดแข็งที่ธนิดามองว่าจะเป็น ‘ไพ่เด็ด’ ให้กับ Lazada ในการถีบตัวเองทิ้งห่างคู่แข่งรายอื่นๆ ก็คือ ‘ความครบเครื่อง’ ของ Ecosystem เนื่องจาก Lazada มีทั้งฟลีตโลจิสติสก์ LazExpress ซึ่งเป็นเน็ตเวิร์กของตัวเอง, มีระบบเพย์เมนต์ที่ Ant Group ยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคจากจีนคอยสนับสนุน, กลยุทธ์แบบ Shoptertainment ที่เน้นสร้างเอ็นเกจเมนต์กับลูกค้าผ่านสื่อความบันเทิง เล่นเกม ไลฟ์ต่างๆ รวมถึงมีการต่อยอดด้าน Data ในการสร้างบิ๊กเดต้า เพื่อให้แบรนด์และผู้ขายเข้าใจลูกค้าได้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ
ซึ่งในส่วนของ Data คลังข้อมูลนี้ ธนิดาเล่าให้เราฟังว่า เป็นพาร์ตที่ Lazada ให้ความสำคัญในการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะให้ผู้ค้าสามารถปรับกลยุทธ์การขายด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างความภักดี (Loyalty) กับลูกค้า ให้ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้วกลับมาซื้ออีกวนไปเรื่อยๆ ชนิดที่ไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย
เพราะโดยปกติแล้ว Lazada จะมีแผงข้อมูล (Dashboard) วิเคราะห์ข้อมูลให้แบรนด์สามารถเข้ามาตรวจเช็กได้ว่า สินค้าไหนคนเข้ามาดูบ่อยที่สุด, คนซื้อเยอะที่สุด มีการคาดการณ์ให้ล่วงหน้าได้ว่าสินค้าไหนน่าจะขายดี สินค้าไหนจะต้องเติมสต๊อกไว้ ซึ่งในปีนี้จะเน้นหนักในการพัฒนา Data และ Dashboard ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมให้ได้ เพื่อที่แบรนด์หรือผู้ค้าจะสามารถนำข้อมูลที่คาดเดา (Predicted) ออกมาไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนการทำการตลาดต่อได้นั่นเอง
ขณะที่แคมเปญเทศกาลส่งเสริมการขายเลขและเดือนซ้ำกันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิรซ์อย่าง 10.10 หรือ 11.11 นั้น ปีนี้ Lazada เผยว่า พวกเขาจะมี Mega Sale รวมทั้งหมด 6 ครั้ง ได้แก่ 3.3, 6.6, 9.9, 11.11, 12.12 และ Surprise Birthday Sale ที่พิเศษกว่าทุกปี เพราะเป็นแคมเปญฉลองวันเกิดครบรอบ 9 ปีของ Lazada (27-29 มีนาคมนี้)
พร้อมตั้งเป้าไว้ว่า แคมเปญฉลองวันเกิดจะต้องมียอดออร์เดอร์คำสั่งซื้อเติบโตมากถึง 15 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงวันปกติ และเติบโตที่ 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับ 3.3 ซึ่งเป็นแคมเปญ Mega Sale แคมเปญแรกของปี
นอกเหนือจากโปรโมชันลด แลก แจก แถม และการแจกคูปองส่วนลดต่างๆ แล้ว ปีนี้ Lazada ยังเล่นใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเตรียมจัดไลฟ์สตรีมมิงคอนเสิร์ต ‘Lazada Super Party’ โดยดึงเอาศิลปินเบอร์ใหญ่อย่าง เคที เพอร์รี, NCT Dream, เบลล่า ราณี, ดา เอ็นโดรฟิน, ไบร์ท-วิน, บิวกิ้น-พีพี, ออฟ-กัน, ก็อต-ริชชี่ ฯลฯ มาร่วมสร้างสีสันความสนุกสนานและสร้างเอ็นเกจเมนต์ให้กับผู้ชม (ผู้ซื้อ) ผ่านกลยุทธ์ Shoptertainment นั่นเอง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
