วันนี้ (5 พฤษภาคม) ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของ สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีไซยาไนด์ เดินทางมาทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อพบกับแอม โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าตนคือคนที่แอมร้องขอให้พบตามที่ได้กล่าวกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวนวานนี้ (4 พฤษภาคม)
ธันย์นิชากล่าวต่อไปว่า รู้จักกับแอมมา 2 ปีกว่าแล้ว และแอมเป็นคนที่น่ารักมาก ตั้งแต่คุยกับแอมครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เชื่อว่าแอมน่าจะรับสารภาพยากมาก เพราะเป็นสิทธิของฝั่งผู้ต้องหาที่ต้องดูพยานหลักฐานโจทก์ก่อนว่าครบถ้วน ฟังขึ้นหรือไม่
ส่วนตัวยังไม่เห็นพยานหลักฐานที่ชัดเจนจากตำรวจ เห็นแต่พยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อ อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานที่อยู่ในสำนวนตามบัญชีพยานหลักฐานจะปรากฏในวันนัดตรวจพยาน โดยเฉพาะพยานหลักฐานในคดีของศิริพร หรือ ก้อย ซึ่งตนเห็นเป็นประจักษ์แน่ชัดตามสื่อต่างๆ ประกอบกับคำให้การของแอมค่อนข้างมั่นใจแน่ชัดว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของก้อย ส่วนคดีอื่นๆ เท่าที่ทราบตอนนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหาไม่ครบทุก 14 คดี แต่ยืนยันว่าจะรับทำทุกคดีให้กับแอม แม้ว่าจะเป็นคดีที่อัตราโทษสูงถึงประหารชีวิตก็ตาม
ธันย์นิชากล่าวอีกว่า วันนี้จะเข้าไปพูดคุยกับแอมและแจ้งสิทธิต่างๆ ซึ่งยืนยันมั่นใจว่าในคดีของก้อย แอมไม่รับสารภาพแน่นอน ส่วนคดีอื่นๆ นั้นต้องไปคุยกับแอมก่อน ซึ่งก็ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน เพราะแอมอาจจะกระทำความผิดในคดีอื่นก็เป็นได้ ดังนั้นตัวทนายเองก็ยังไม่มั่นใจในคดีอื่นๆ แต่มั่นใจว่าคดีของก้อยยังไม่ผิดและไม่รับสารภาพ
อย่างไรก็ตาม หากแอมต้องการที่จะรับสารภาพในคดีอื่นๆ ตนจะให้คำแนะนำว่าให้แอมรับสารภาพในชั้นศาลเท่านั้น ไม่ให้รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิของตัวแอมเอง
“แม้ว่าแอมจะอยู่ในสถานะของผู้ต้องหาหรือจำเลย แต่ตามมรรยาททนายความแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทนายให้กับโจทก์หรือจำเลย ก็มีหน้าที่ต้องผดุงความยุติธรรมและให้คำปรึกษาแนะนำทางกฎหมายอันเป็นประโยชน์แก่ลูกความให้ถึงที่สุด เพราะตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน จำเลยก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่” ธันย์นิชากล่าว