วันนี้ (30 กันยายน) คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ร่วมกันพิจารณาตรวจสอบกรณีปัญหาที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต หลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงให้ข้อเท็จจริง
โดยที่ประชุมตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นถึงการออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ว่าถูกต้องหรือไม่ และมีเกณฑ์วัดความลาดชันในพื้นที่อย่างไรจึงทำให้ไม่เข้าข่ายเป็นพื้นที่ป่าไม้ เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดว่าหากพื้นที่มีความลาดชันเฉลี่ยเกิน 35% จะไม่อนุญาตให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ขณะเดียวกันเมื่อมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จริง แต่เหตุใดกลับไม่รีบเร่งขอออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งผิดวิสัยปกติชน
โดยประเด็นการเอกสาร ส.ค.1 นิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่าเดิมเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ จนกระทั่งมีการออกบังคับใช้ประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อให้สามารถแจ้งการครอบครองที่ดินเมื่อปี 2498 เป็นประเภท ส.ค.1 ทั้งหมด จนต่อมามีการออกเป็นเอกสาร น.ส.3 และ น.ส.3 ก จากนั้นเกิดการเปลี่ยนมือเป็นโครงการศรีพันวา โดยได้ทยอยเข้าซื้อที่ดินจากประชาชนช่วงปี 2546, 2558 และ 2559 ขณะเดียวกันได้ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่บนเขตป่าไม้ตามมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 แต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะพื้นที่ภูเขาที่มีความลาดชัน แต่เมื่อประชาชนเข้ามาแสดงสิทธิครอบครองก่อนที่จะประกาศใช้กฎหมายใหม่จึงเป็นพื้นที่ ส.ค.1 มาต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2893/2563 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกระบวนการได้มาในการออกเอกสารสิทธิพื้นที่โรงแรมศรีพันวาแล้ว โดยกำหนดว่าต้องรายงานผลต่อกระทรวงมหาดไทยทราบภายใน 5 วัน หรือวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ขณะที่การประชุมคราวต่อไป ทางคณะกรรมาธิการฯ เตรียมเชิญกรมพัฒนาที่ดินซึ่งมีหน้าที่กำหนดเกณฑ์วิธีวัดความลาดชันมาชี้แจง รวมถึงการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์จากกรมแผนที่ทหาร รวมถึงแผนที่จากกรมป่าไม้ และเชิญกรมเจ้าท่าเพื่อชี้แจงที่ตั้งของทะเล และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อขอทราบความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป
