วันนี้ (30 มกราคม) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน เดินตลาดป่ารกฟ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน พร้อม วีระเดช ภู่พิสิฐ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำพูน พรรคประชาชน และทีมผู้สมัคร ส.อบจ.
ชัยธวัชกล่าวถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยขอคะแนนเสียงจากชาวเชียงรายและเชียงใหม่ว่าอยากได้ท้องถิ่นมาเป็นแขนขา ช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาจากฐานราก ชัยธวัชยืนยันว่า อบจ. ไม่ใช่แขนขาหรือเครื่องมือทางการเมืองให้กับรัฐบาลหรือนายใหญ่ แต่เป็นกลไกดูแลประชาชนในท้องถิ่น พร้อมถามกลับว่า 20 ปีที่ผ่านมา นายก อบจ. หลายที่ก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย แต่ประชาชนก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร
ชัยธวัชยังกล่าวถึงวลีแดงกินส้มว่า เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องประชาธิปไตย ไม่ใช่สีไหนกินสีไหน แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนใช้สิทธิใช้เสียงเลือกคนที่ดีที่สุดที่ประชาชนคิดว่าตอบโจทย์ เรื่องสีแดงคงไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย แต่เป็นสีของสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สีแดงไม่ได้หายไปไหน อยู่ในใจทุกคน
ชัยธวัชกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทักษิณอาจจะไม่อยู่ เลยกลับมาบอกว่า ตัวเองกลับมาแล้ว ดังนั้นขอให้แดงกินส้ม แต่ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับทักษิณ ที่ผ่านมาประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนเพราะเชื่อมั่นในอุดมการณ์ เรามีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่เคยทรยศเสียงของพี่น้องประชาชน พวกเราสีส้มไม่ใช่เอาเสียงเอาอำนาจที่ได้มาจากประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ด้านพรรณิการ์ตอบคำถามกรณีวิวาทะ ‘ประชาชนคายส้ม’ และ ‘ใส่เสื้อแดงกินส้ม’ ว่า ไม่ต้องให้ทักษิณยืนยัน ผลเลือกตั้งปี 2566 ก็บอกอยู่ชัดเจนว่าคนเสื้อแดงและเสื้ออื่นๆ หันมากินส้มกันมาก ที่ประชาชนกินส้มก็เพราะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว และเป็นผลไม้ตรงปกไม่จกตา ต่างจากสตรอว์เบอร์รีบางแผง ตอนโฆษณาขายบอกประชาชนว่าพันธุ์ดี หวานฉ่ำ แต่พอซื้อไปแล้วกลับเปรี้ยว แล้วยังจะบอกคนซื้อว่าสถานการณ์บังคับให้จำใจเปลี่ยนเป็นเปรี้ยว ทั้งที่จริงๆ เปรี้ยวตั้งแต่ก่อนคนจะซื้อแล้ว ส่วนส้มนั้นตรงไปตรงมา ไม่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวเหลือง ก่อนหรือหลังเลือกตั้งก็ส้มเหมือนเดิม